เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา บรรยากาศในตลาดปรับตัวดีขึ้นในช่วงท้ายวัน หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯเปลี่ยนท่าทีเกี่ยวกับการปลดประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เจอโรม พาวเวลล์ และมีแนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นต่อการเจรจาการค้ากับจีน ซึ่งช่วยหนุนให้สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและดอลลาร์สหรัฐฯต่างปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) และฟรังก์สวิส (CHF) เกิดการดึงกลับของระดับราคา
โดยทรัมป์ระบุว่า เขาไม่มีเจตนาที่จะปลด พาวเวลล์ ออกจากตำแหน่ง และเผยว่าการเจรจาการค้ากับจีนกำลังมีความคืบหน้าในเชิงบวก แม้ในวันเดียวกัน IMF จะปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกก็ตาม ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงดังกล่าวยังส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจภายในประเทศจะอ่อนแอ และยังไม่มีความคืบหน้าในข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับคู่ค้ารายสำคัญหลายประเทศ
ด้วยปัจจัยข้างต้น ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 37 เดือน พร้อมทำสถิติปรับตัวขึ้นรายวันสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 แม้แรงเทซื้อเริ่มชะลอตัวลงในช่วงเช้าวันพุธนี้ โดยแรงฟื้นตัวของดอลลาร์ส่งผลให้สกุลเงินหลักและสินค้าโภคภัณฑ์เผชิญแรงกดดันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่ความเคลื่อนไหวในวันพุธกลับช่วยหนุนสกุลเงินกลุ่ม Antipodean และราคาน้ำมันดิบให้ขยับตัวสูงขึ้น ถึงกระนั้น ราคาทองคำยังคงเกิดการดึงกลับจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในอีกทางหนึ่ง คู่เงิน EURUSD คู่เงิน GBPUSD และคู่เงิน USDJPY ต่างปรับตัวสูงขึ้นจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงมีความระมัดระวังก่อนการเปิดเผยข้อมูลดัชนี PMI ประจำเดือนเมษายนจากประเทศเศรษฐกิจหลักหลายประเทศ
การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ ประกอบกับถ้อยแถลงเชิงสนับสนุนการผ่อนคลายทางการเงินของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) คริสติน ลาการ์ด และตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคในยูโรโซนที่ปรับลดลง สร้างแรงกดดันต่อคู่เงิน EURUSD ก่อนการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ประจำเดือนเมษายนของเยอรมนีและสหภาพยุโรป ทั้งนี้ คู่เงิน EURUSD ปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 และยังคงเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องในช่วงการซื้อขายของทางฝั่งยุโรป
ด้านคู่เงิน GBPUSD แม้จะปรับตัวลงเล็กน้อยจากระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน แต่ยังคงยืนเหนือระดับสำคัญได้ โดยการอ่อนตัวของเงินปอนด์สอดคล้องกับแรงฟื้นตัวของดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ Megan Greene คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) แสดงความระมัดระวัง โดยชี้ว่าปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศยังคงมีผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน คู่เงิน USDJPY พุ่งสูงขึ้นหลังจากฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน แม้การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและญี่ปุ่นยังไม่มีความคืบหน้าใดๆก็ตาม โดยคู่เงินเยนมองข้ามท่าทีแข็งกร้าวทางการเงินของ BoJ และการเจรจาในประเด็นเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ ขณะที่ ข้อมูลดัชนี PMI ภาคการผลิตของญี่ปุ่นในเดือนเมษายนที่อ่อนแอกลับเป็นปัจจัยที่นักลงทุนให้ความสนใจมากกว่า
แม้การฟื้นตัวของดอลลาร์สหรัฐฯจะกดดันแรงเทซื้อในคู่เงิน AUDUSD และคู่เงิน NZDUSD เมื่อวันก่อนหน้า แต่ความเชื่อมั่นเชิงบวกเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ได้ช่วยให้ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และดอลลาร์แคนาดา เริ่มกลับมาแข็งค่าอีกครั้งในช่วงก่อนเปิดตลาดยุโรปในวันพุธนี้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดัชนี PMI ของออสเตรเลียที่ปรับลดลงกว่าที่คาด และยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในนิวซีแลนด์ที่น่าผิดหวัง ยังคงเป็นปัจจัยที่ท้าทายแรงเทซื้อของคู่เงิน AUDUSD และคู่เงิน NZDUSD ในขณะเดียวกัน คู่เงิน USDCAD ยังคงเผชิญแรงกดดัน หลังจากร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่สอง แม้ราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้น
ราคาทองคำยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่สอง หลังจากทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่ผันผวนในตลาด แม้ว่าการฟื้นตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ประกอบกับการปรับฐานทางเทคนิค (technical corrections) รวมถึงความหวังเกี่ยวกับความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นจากจีนและอินเดีย ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าของสหรัฐฯ และแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ยังคงหนุนแรงเทซื้อ XAUUSD
ในขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบ WTI ได้ปรับตัวสูงขึ้น หลังความตึงเครียดทางการค้าผ่อนคลายลง และรายงานผลสำรวจรายสัปดาห์ของ API เผยว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯลดลงอย่างไม่คาดคิด ซึ่งการปรับตัวขึ้นครั้งนี้เกิดขึ้นแม้จะมีแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่ง ความคาดหวังต่อการเพิ่มกำลังการผลิตจาก OPEC+ และมุมมองเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาจาก IMF โดยนักลงทุนกำลังจับตามองข้อมูลดัชนี PMI และรายงานปริมาณน้ำมันคงคลังอย่างเป็นทางการจากสหรัฐฯที่จะประกาศในสัปดาห์นี้
Bitcoin (BTCUSD) และ Ethereum (ETHUSD) ขยับตัวขึ้นเล็กน้อยใกล้ระดับสูงสุดในรอบหลายวัน หลังจากพุ่งสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งก่อนหน้านี้ โดยได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นเชิงบวกในตลาดโดยรวม ประกอบกับคำแถลงของประธานาธิบดีทรัมป์ และสัญญาณบวกจากปัจจัยทางเทคนิค (technical breakouts) ข้อมูล On-chain และกระแสเงินทุนที่ไหลเข้า ETF ยังสนับสนุนการฟื้นตัวของทั้งสองคริปโต ก่อนการเปิดเผยดัชนี PMI สำคัญ
การเปลี่ยนท่าทีของทรัมป์เกี่ยวกับการค้า การเมือง รวมไปถึงการสนับสนุนประธาน Fed พาวเวลล์ ได้จุดประกายความเชื่อมั่นในตลาด และช่วยให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯสามารถฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนในท่าทีของทรัมป์ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยง โดยหากมีถ้อยแถลงในเชิงลบ อาจกดดันค่าเงินดอลลาร์และหนุนให้คู่เงิน EURUSD และราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ขณะเดียวกัน ข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ที่มีความหลากหลายอาจจำกัดกรอบการเคลื่อนไหวของสกุลเงินหลักและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เว้นแต่นักลงทุนจะให้น้ำหนักกับท่าทีของทรัมป์มากกว่าข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด!