ในเช้าวันอังคาร คู่เงิน USDJPY มีแรงผลักดันต่อเนื่องจากการฟื้นตัวขึ้นจากระดับแนวรับที่ยืนระยะมาเป็นเวลาสองเดือน โดยกำลังเข้าใกล้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอกซ์โพเนนเชียล 200 วัน (EMA) ขณะที่ยังคงอยู่ภายในแนวโน้มขาลงที่เริ่มต้นตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา การพุ่งสูงขึ้นของระดับราคานี้สะท้อนให้เห็นถึงการดีดตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯหลังจากประธาน Fed Jerome Powell ลดความคาดหวังของตลาดสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% อีกสองครั้งจากธนาคารกลางสหรัฐฯในปี 2024 อย่างไรก็ตาม เหล่าเทรดเดอร์ยังคงรอรายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯและรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่กำลังจะมีการเปิดเผยเพื่อดูว่าตลาดจะเคลื่อนไหวต่อไปในทิศทางอย่างไร
นอกจากการดีดตัวจากโซนแนวรับอายุสองเดือนแล้ว แนวโน้มขาขึ้นของ (RSI) (14) และการครอสโอเวอร์ที่เป็นช่วงขาขึ้นที่อาจเกิดขึ้นของ MACD ก็กำลังหนุนการปรับตัวสูงขึ้นของคู่เงิน USDJPY ไปสู่ระดับเส้น EMA ที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม ช่วงแนวโน้มขาลงที่ยังคงดำเนินต่อไปและนโยบายการเงินที่แตกต่างกันระหว่างธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจสร้างความท้าทายต่อช่วงแนวโน้มขาขึ้นของคู่เงิน USDJPY
ในระยะสั้น ระดับเส้น 200-EMA ที่ประมาณ 144.75 และเส้นด้านบนของช่วงแนวโน้มขาลงที่บริเวณ 146.30 จะเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับแรงเทซื้อคู่เงิน USDJPY หากระดับราคาสามารถปรับตัวสูงขึ้นผ่านระดับเหล่านี้ไปได้ คู่เงินเยนอาจพุ่งสูงขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดของช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ประมาณ 149.40 และอาจแตะไปที่ระดับราคาที่ประมาณ 150.00 ได้ ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่ต้องสังเกตคือ ระดับราคาที่ราวๆ 152.00 ดูเหมือนจะเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายสำหรับแรงเทขายเยน
ในทางกลับกัน แนวรับแนวนอนที่อยู่ที่ระหว่าง 141.75 และ 141.65 ยังช่วยหนุนให้คู่เงิน USDJPY มีเสถียรภาพในระยะสั้น และป้องกันไม่ให้ระดับราคาร่วงลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบเดือนและเส้นด้านล่างของช่วงแนวโน้มขาลงใกล้กับระดับ 139.55 และ 138.75 หากคู่เงินเยนหลุดลงต่ำกว่าระดับราคาที่ราวๆ 138.75 ระดับต่ำสุดของช่วงกลางปี 2023 ที่ประมาณ 137.20 อาจทำหน้าที่เป็นแนวรับสุดท้ายสำหรับแรงเทซื้อ
ในขณะที่ตัวชี้วัดทางเทคนิคบ่งบอกถึงการฟื้นตัวที่อาจเกิดขึ้นสำหรับคู่เงิน USDJPY แต่ปัจจัยพื้นฐานยังคงเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้นอย่างยั่งยืน นักเทรดฝั่งซื้อควรระมัดระวังก่อนที่จะทำการลงทุนขนาดใหญ่