ตลาดโลกเผชิญกับสภาพคล่องต่ำก่อนการรายงานเหตุการณ์สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมไปถึงรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯในวันนี้ และการประกาศนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดี โดยความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังเพิ่มความไม่แน่นอนในตลาดจากสัญญาณในหลากหลายทิศทางอย่างเช่น ความคืบหน้าในข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาส และข่าวความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่แข่งขันกับความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่เกี่ยวข้องกับ Donald Trump นอกจากนี้ การคาดการณ์การเติบโตจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ยิ่งหนุนบรรยากาศการซื้อขายที่มีความระมัดระวังในตลาดอีกด้วย
แม้จะมีสัญญาณเหล่านี้ แต่ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯอย่างเช่น ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจขนาดเล็กจาก NFIB และการผลิตนอกภาคเกษตรในไตรมาสที่ 3 ได้ผลักดันดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ไปสู่ระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์ โดยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ในช่วงเช้าวันพุธ
ความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐฯ ประกอบกับแถลงการณ์เชิงผ่อนคลายนโยบายการเงินของ François Villeroy de Galhau จาก ECB และความไม่แน่นอนทางการเมืองในเยอรมนี ส่งผลกระทบต่อคู่เงิน EURUSD อีกทั้ง การพูดคุยถึงการลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเยอรมัน Olaf Scholz และการคาดการณ์การลดลงของรายงานตัวเลขภาคการผลิตในปี 2025 จาก VDMA ยิ่งหนุนความเชื่อมั่นในเชิงลบต่อค่าเงินยูโร โดยคาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดี ขณะที่ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯอาจยังคงแข็งแกร่ง ล้วนเป็นปัจจัยที่นำไปสู่การที่นักเทรดจำนวนมากเริ่มเทขายคู่เงิน EURUSD ล่วงหน้าก่อนการเปิดเผยเหตุการณ์สำคัญเหล่านี้
แม้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯจะแข็งค่าขึ้น แต่คู่เงิน GBPUSD ยังคงปรับตัวขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา ก่อนจะปรับตัวลงในช่วงเช้าวันพุธ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ฟื้นตัวก่อนการรายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯในวันนี้และรายงานเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรในวันศุกร์
ในขณะเดียวกัน ช่วงแนวโน้มขาขึ้นคู่เงิน USDJPY เผชิญกับแนวต้านใกล้เส้น 200-SMA โดยอัตราเงินเฟ้อ PPI ที่สูงเป็นประวัติการณ์ของญี่ปุ่นและการรายงานในหลากหลายทิศทางจากการสำรวจมุมมองทางธุรกิจในไตรมาสที่ 4 ยิ่งเพิ่มแรงกดดัน โดยข้อมูลอัตราเงินเฟ้อนี้ยังช่วยเสริมการคาดการณ์การดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้การปรับตัวขึ้นของคู่สกุลเงินนี้เป็นไปได้ยากขึ้น
ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) และดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) ยังคงเผชิญกับแรงกดดัน เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้นและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลงได้ส่งผลกระทบต่อทั้งสองสกุลเงินนี้ คู่เงิน AUDUSD ไม่ตอบสนองต่อท่าทีการดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าวของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) และความคิดเห็นในเชิงบวกจากผู้ว่าการ Michele Bullock ในลักษณะเดียวกัน คู่เงิน NZDUSD ก็เผชิญกับอุปสรรคจากมุมมองทางเศรษฐกิจเชิงลบในนิวซีแลนด์และสัญญาณสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินจากธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ)
คู่เงิน USDCAD เกิดการดึงกลับจากระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2020 หลังจากสิ้นสุดแนวโน้มขาขึ้นสามวัน เนื่องจากนักลงทุนเตรียมพร้อมรับมือกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางแคนาดา (BoC) โดยการปรับตัวลดลงของคู่เงิน USDCADนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของแคนาดา
ราคาทองคำกำลังเผชิญกับความยากลำบากในการขยายแนวโน้มขาขึ้นสามวันติดต่อกัน แม้จะพุ่งสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบสองสัปดาห์ก็ตาม การปรับตัวลดลงนี้อาจเกิดจากดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้นและภาวะ consolidation ของตลาดก่อนการเปิดเผยข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับท่าทีการสนับสนุนนโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในปี 2025 รวมถึงปัญหาที่ยังดำเนินอยู่ในจีน ยังคงจำกัดโอกาสในการปรับตัวขึ้นเพิ่มเติมของโลหะมีค่านี้
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบ และยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สาม โดยฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบเดือน การคาดการณ์ของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เกี่ยวกับการเพิ่มการผลิตน้ำมันทั่วโลกในปี 2025 รวมถึงการปรับตัวขึ้นอย่างไม่คาดคิดของปริมาณสินค้าคงคลังน้ำมันดิบในสหรัฐฯต่างไม่ได้ลดทอนแรงผลักดันของราคาน้ำมันแต่อย่างใด อีกทั้ง ราคาน้ำมันยังได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนและการคาดการณ์เกี่ยวกับอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากรายงานของ OPEC ในวันนี้
ความกังวลเกี่ยวกับโครงการ Willow ของ Google และการโจมตีของอิสราเอลส่งผลกดดันต่อราคา Bitcoin (BTCUSD) และ Ethereum (ETHUSD) ในวันก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นในเชิงบวกที่เกี่ยวข้องกับ Donald Trump ยังช่วยให้สกุลเงินดิจิทัลชั้นนำทั้งสองสามารถฟื้นตัวขึ้นในช่วงเช้าวันพุธ
ด้วยข้อมูลดัชนี CPI ของสหรัฐฯที่คาดว่าจะออกมาในทิศทางบวกในวันพุธ และ ECB ที่มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดี ปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้คู่เงิน EURUSD ร่วงลงต่อไปที่ระดับต่ำสุดในเดือนพฤศจิกายน ถึงแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯจะผ่อนคลายลงและ ECB จะสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยจุดยืนที่สนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวด แต่ยูโรอาจยังคงประสบปัญหาในการฟื้นตัว เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเยอรมนีและความพร้อมของ ECB ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอาจได้รับแรงหนุนจากตัวเลขดัชนี Core CPI ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเตรียมประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า โดยความหวังของตลาดมุ่งเน้นไปที่การชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในปี 2025
อีกทางด้านหนึ่ง ราคาทองคำอาจเกิดการดึงกลับไปยังระดับแนวรับที่ประมาณ $2,670 และ $2,653 หากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แต่แนวโน้มขาลงยังไม่น่าจะเกิดขึ้น เว้นแต่ราคาจะลดลงต่ำกว่า $2,627 ขณะที่โอกาสในการปรับตัวขึ้นยังคงมีจำกัดที่ระดับต่ำกว่า $2,721
สำหรับคู่เงิน USDJPY อาจทะลุเส้น 200-SMA และตั้งเป้าหมายไปที่ระดับ 153.30 ขณะที่คาดว่าคู่เงิน AUDUSD และคู่เงิน NZDUSD จะปรับลดลงไปใกล้ระดับต่ำสุดจากเดือนสิงหาคม 2024 และเดือนตุลาคม 2023 โดยคู่เงิน USDCAD อาจแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีที่ประมาณ 1.4200 หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางแคนาดา (BoC) ในขณะเดียวกัน การฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบยังไม่แน่นอน เว้นแต่จะสามารถทะลุแนวต้านที่ระดับราคาที่ราวๆ $70.00 ไปได้
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด!