ตลาดกำลังเผชิญกับสภาพคล่องที่ลดลงหลังจากเกิดความผันผวนอย่างมากในช่วงการประชุม FOMC เนื่องจากนักลงทุนต่างรอการประกาศอัตราดอกเบี้ยของ ECB และรายงานตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 4 จากเยอรมนี ยูโรโซน และสหรัฐฯ อีกทั้ง สัญญาณที่ไม่ชัดเจนจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับตลาดอีกด้วย
แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด แต่แถลงการณ์จากประธานเจอโรม พาวเวลล์ ซึ่งให้สัญญาณการดำเนินนโยบายที่ไม่ชัดเจนนักยังสร้างความผันผวนให้กับตลาด โดยในช่วงแรกดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นจากท่าทีเชิงสนับสนุนนโยบายการเงินที่เข้มงวดของเขา ก่อนที่การชี้แจงในเวลาต่อมากลับทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง อย่างไรก็ดี ความกังวลเรื่องการเก็บภาษีนำเข้าและมาตรการควบคุมพรมแดนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังช่วยหนุนให้ดอลลาร์สหรัฐฯสามารถปิดตลาดด้วยการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย
คู่เงิน EURUSD เผชิญแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเยอรมนี สถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรป และแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยสมาคมอุตสาหกรรมเยอรมนีได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงต่อภาวะถดถอย ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ ปัญหาทางฝั่งรัสเซีย และความท้าทายของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ยังยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อยูโรอีกด้วย นักลงทุนคาดการณ์ว่า ตัวเลข GDP ของยูโรโซนจะปรับลดลง ประกอบกับ ECB ที่อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย พร้อมกับการแถลงการณ์เชิงระมัดระวังจากประธาน ECB คริสติน ลาการ์ด
คู่เงิน GBPUSD ยังพยายามรักษาระดับราคา ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร และความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางอังกฤษจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม แม้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯจะแข็งค่า แต่ความคิดเห็นเชิงบวกจากรัฐมนตรีคลัง เรเชล รีฟส์ และผู้ว่าการธนาคารกลาง แอนดรูว์ เบลีย์ ยังช่วยให้คู่เงิน GBPUSD ปิดตลาดด้วยการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันพุธที่ผ่านมา
ทางฝั่งคู่เงิน USDJPY มีการเคลื่อนไหวมากที่สุดในกลุ่มคู่เงิน G10 โดยปรับตัวลดลงกว่า 0.50% ระหว่างวันต่อเนื่องจากการดึงกลับในวันก่อนหน้า การปรับตัวลงครั้งนี้เป็นผลมาจากการคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับความแตกต่างทางด้านนโยบายที่ชัดเจนมากขึ้นระหว่างธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) โดยเฉพาะหลังจากประธาน Fed เจอโรม พาวเวลล์ ชี้แจงถึงการเปลี่ยนแปลงข้อความในแถลงการณ์ของคณะกรรมการ FOMC ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯนั้นอ่อนค่าลง นอกจากนี้ ข่าวการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชิเกรุ อิชิบะ กับประธานาธิบดีทรัมป์ที่กรุงวอชิงตันยังเพิ่มแรงกดดันต่อคู่เงินดังกล่าวอีกด้วย
คู่เงิน AUDUSD และคู่เงิน NZDUSD ปรับตัวลดลงเป็นวันที่สี่ติดต่อกัน ขณะที่ คู่เงิน USDCAD ยังคงแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง การที่จีนหยุดทำการเนื่องจากเทศกาลตรุษจีน รวมถึงความกังวลด้านสงครามการค้า และท่าทีการผ่อนคลายนโยบายการเงินจากธนาคารกลางล้วนเป็นปัจจัยที่กดดันทั้งสองคู่สกุลเงิน สำหรับคู่เงิน NZDUSD ร่วงลง โดยได้รับผลกระทบจากตัวเลขความเชื่อมั่นทางธุรกิจและข้อมูลการค้าที่ผสมผสานกันในหลากหลายทิศทาง ส่วนทางด้านคู่เงิน AUDUSD ถูกกดดันจากรายงานเศรษฐกิจของ RBA ที่อ่อนแอและตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่น่าผิดหวังของออสเตรเลีย ประกอบกับความวิตกกังวลของตลาดโดยรวม
ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางแคนาดา (BoC) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงลง 0.25% ตามการคาดการณ์ ซึ่งช่วยหนุนให้คู่เงิน USDCAD ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อ Fed ยุติการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวด การปรับตัวขึ้นของคู่เงิน Loonie ยังได้รับแรงหนุนจากความคิดเห็นเชิงสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินของผู้ว่าการ BoC ทิฟ แมคเลม ซึ่งระบุว่าภาษีการค้าเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อค่าเงินดอลลาร์แคนาดา (CAD) ซึ่งรวมถึงราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง นอกจากนี้ ข่าวการเจรจาเชิงบวกที่เป็นไปอย่างระมัดระวังระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแคนาดา เมลานี โจลี กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โก รูบิโอ ยังสร้างกระแสความสนใจในตลาดในช่วงเช้าวันพฤหัสบดีอีกด้วย
การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯกดดันราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบ โดยราคาน้ำมันได้รับผลกระทบมากกว่าเนื่องจากปริมาณสินค้าคงคลังที่เพิ่มสูงขึ้นและความกังวลเรื่องอุปทานส่วนเกินที่สวนทางกับความต้องการที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลในตลาดและความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้นยังคงช่วยหนุนราคาทองคำให้แข็งแกร่งก่อนการรายงานข้อมูลตัวเลข GDP ของสหรัฐฯในวันนี้ และการรายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อจาก Fed ในวันศุกร์
Bitcoin (BTCUSD) และ Ethereum (ETHUSD) พุ่งสูงขึ้นหลังดีดตัวจากจุดต่ำสุดในรอบสัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับท่าทีที่เป็นมิตรต่อตลาดสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้นจากการบริหารงานของประธานาธิบดีทรัมป์ และข่าวสารจาก CME นอกจากนี้ ความไม่แน่ใจต่อจุดยืนการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของ Fed และบรรยากาศการซื้อขายที่มีแนวโน้มเชิงบวกแม้จะยังคงมีความระมัดระวังในตลาดยังช่วยหนุนให้ทั้งสองคู่สกุลเงินดิจิทัลปรับตัวสูงขึ้น
วันนี้จะเป็นอีกหนึ่งวันที่มีความเคลื่อนไหวที่สำคัญ โดยมีการรายงานตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 4 ปี 2024 จากเยอรมนี ยูโรโซน และสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า ECB อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 bps ซึ่งการปรับลดดังกล่าวประกอบกับความคิดเห็นที่มีท่าทีระมัดระวังจากประธาน ECB คริสติน ลาการ์ด อาจสร้างแรงกดดันต่อคู่เงิน EURUSD ด้วยเช่นกัน ในอีกทางหนึ่ง รายงานการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยูโรโซนและข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่งอาจช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ และส่งผลกระทบต่อยูโร อย่างไรก็ตาม หากข้อมูลจากสหรัฐฯผิดไปจากที่คาดการณ์ไว้ สกุลเงินและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆอาจฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ราคาทองคำจะได้รับประโยชน์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด!
