หลังจากวันจันทร์ที่เต็มไปด้วยความผันผวนจากการอัปเดตเกี่ยวกับการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ เทรดเดอร์ต่างรอคอยความชัดเจนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินการก้าวต่อไปของเขา โดยเฉพาะในด้านนโยบายการค้า แม้ว่าทรัมป์จะกล่าวถึงการเก็บภาษีศุลกากร แต่การที่เขายังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ทำให้ตลาดยังคงไม่แน่นอน ซึ่งในช่วงแรกส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐฯฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ประกาศแผนตรวจสอบความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน เม็กซิโก และแคนาดา บรรยากาศการลงทุนยังคงระมัดระวัง ขณะที่นักลงทุนกลับเข้าสู่ตลาดหลังวันหยุดของสหรัฐฯ โดยจับตามองรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่กำลังจะมีการเปิดเผยจากยูโรโซนและแคนาดา นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับนโยบายเรื่องเงินเฟ้อของทรัมป์ ยังเป็นปัจจัยที่ท้าทายภาวะการพร้อมรับความเสี่ยงของตลาดในช่วงที่ผ่านมา
การอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐฯช่วยให้คู่เงิน EURUSD พุ่งทะยานขึ้นรายวันมากที่สุดในรอบ 14 เดือน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีที่ปรับลดลงและรายงานการประชุมรัฐมนตรีคลังของสหภาพยุโรป ส่งผลให้แรงเทขายกลับเข้าตลาดอีกครั้ง โดยรัฐมนตรีคลังของกลุ่มสหภาพยุโรปได้ตกลงที่จะกระชับความร่วมมือเพื่อรับมือความเสี่ยงจากสงครามการค้า และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสหภาพยุโรป โดยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของเยอรมนีหดตัว ขณะที่รายงาน construction output ของยูโรโซนปรับตัวสูงขึ้น
ในขณะที่ คู่เงิน USDJPY เผชิญกับการปรับลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่สอง เนื่องจากเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการด้านอัตราแลกเปลี่ยนของญี่ปุ่นวิจารณ์นโยบายเรื่องเงินเฟ้อของทรัมป์ ขณะเดียวกันการคาดการณ์ต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ในวันศุกร์นี้เริ่มเพิ่มสูงขึ้น
คู่เงิน GBPUSD พุ่งขึ้นรายวันมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2023 ในวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาบ้านในสหราชอาณาจักรที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี การประเมินความเสี่ยงใหม่และความกังวลทางเศรษฐกิจเกี่ยวกับสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะหลังจากรายงานการจ้างงานที่น่าผิดหวัง ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์ (GBP) เกิดการดึงกลับอีกครั้ง
ภาวะการพร้อมรับความเสี่ยงในวันจันทร์ และความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนได้ช่วยหนุนค่าเงิน AUD, NZD และ CAD ให้ขยับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในวันอังคารนี้ ค่าเงินเหล่านี้เกิดการดึงกลับจากข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานในหลากหลายทิศทางของนิวซีแลนด์ ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงในความเชื่อมั่นของนักลงทุน และการฟื้นตัวของดอลลาร์สหรัฐฯ ในอีกทางหนึ่ง คู่เงิน USDCAD กลับพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางการฟื้นตัวของดอลลาร์สหรัฐฯและราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง เนื่องจากการผลักดันการผลิตพลังงานเพิ่มขึ้นของทรัมป์ ส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกหลักของแคนาดาอย่างน้ำมันดิบ
ราคาทองคำยังคงแข็งแกร่งที่ระดับสูงสุดในรอบ 11 สัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนในตลาดและข่าวสารจากจีน ในขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงจากการคาดการณ์เกี่ยวกับการเพิ่มปริมาณอุปทานภายใต้นโยบาย "drill baby drill" ของทรัมป์ ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นก่อนการประกาศตัวเลขปริมาณสินค้าคงคลังน้ำมันรายสัปดาห์
การขายทำกำไรหลังข่าว (sell-the-fact) ส่งผลให้ราคาสกุลเงินดิจิทัลหลักปรับตัวลดลง หลังจากคำสั่งบริหารของทรัมป์ไม่ได้ระบุถึงสกุลเงินดิจิทัล ส่งผลให้นักลงทุน Bitcoin (BTCUSD) และ Ethereum (ETHUSD) ผิดหวัง อย่างไรก็ตาม BTCUSD ยังคงแตะจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ก่อนจะเกิดการดึงกลับของระดับราคา ในขณะที่ ETHUSD แม้จะปิดวันจันทร์ในแดนบวก แต่กลับมาปรับตัวลดลงอีกครั้งในวันอังคาร
หลังจากนักลงทุนชาวอเมริกันกลับมาจากช่วงวันหยุดยาว ประกอบกับประธานาธิบดีทรัมป์ที่เริ่มต้นปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มรูปแบบในวันแรก คาดว่าตลาดจะเกิดความผันผวน โดยเฉพาะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่างๆ โดยมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่น ZEW ของสหภาพยุโรปและเยอรมนี รวมถึงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อประจำเดือนธันวาคมของแคนาดา ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯมีแนวโน้มฟื้นตัวจากการอ่อนค่าลงก่อนหน้า ขณะที่ราคาน้ำมันดิบอาจปรับลดลงอีก ส่วนราคาทองคำยังคงแข็งแกร่งในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย สำหรับคู่เงิน EURUSD และคู่เงิน GBPUSD อาจยังคงเผชิญแรงกดดัน ในขณะที่ คู่เงิน USDJPY อาจมีโอกาสฟื้นตัวขึ้น ทางด้านสกุลเงินที่เกี่ยวโยงกับสินค้าโภคภัณฑ์และตลาดหุ้นมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม สกุลเงินดิจิทัลอาจกลับมาคึกคักอีกครั้ง จากความหวังว่านโยบายของทรัมป์จะเอื้อประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมนี้
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด!