ราคาทองคำยุติการพุ่งสูงขึ้นติดต่อกันสามวัน ขณะที่ปรับตัวลงจากสถิติสูงสุดใหม่ในวันก่อนหน้า โดยนักลงทุนกำลังรอการประกาศข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งมีกำหนดการเผยแพร่ในวันอังคารและวันพุธตามลำดับ ส่งผลให้ราคาทองคำถอยลงจากระดับ Fibonacci Extension (FE) 61.8% ของการเคลื่อนไหวของระดับราคาในเดือนกรกฎาคม-เดือนกันยายน
ราคาทองคำปรับตัวลงล่าสุด เนื่องจากสัญญาณ RSI (14) ถอยกลับจากโซนที่บ่งชี้ถึงแรงเทซื้อที่มากเกินไป และไม่สามารถทะลุผ่านระดับ Fibonacci Extension 61.8% ไปได้ โดยนักเทรดฝั่งขายยังจับตามองการก่อตัวของสัญญาณขาลง (bear cross) บน MACD แม้ว่าราคาทองคำจะยังคงอยู่เหนือแนวต้านอายุสองเดือนที่ราวๆ $2,570 ซึ่งทำให้แรงเทซื้อยังคงมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะมีท่าทีสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
สำหรับนักเทรดฝั่งขายรายวัน ระดับราคาที่ราวๆ $2,570 จะมีความสำคัญเนื่องจากระดับราคานี้จะทำหน้าที่กลายเป็นแนวรับ หากราคาทองคำยังคงปรับตัวลง ระดับ Fibonacci Extension 50% และ 38.6% ที่ประมาณ $2,560 และ $2,540 อาจเป็นอุปสรรคถัดไป ซึ่งถ้าหากราคาทองคำปรับลดลงต่ำกว่าระดับราคาดังกล่าว ช่วงแนวโน้มขาลงอาจตั้งเป้าหมายไปที่แนวต้านอายุหนึ่งเดือนและเส้นแนวโน้มขาขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ประมาณ $2,525 และ $2,515 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม แรงเทซื้อทองคำจะยังคงมีทิศทางเป็นบวก จนกว่าราคาจะร่วงลงต่ำกว่าระดับเส้น 200-SMA ที่บริเวณ $2,487 อย่างชัดเจน
ในทางกลับกัน หากราคาทองคำสามารถทะลุผ่านจุดสูงสุดล่าสุดที่ประมาณ $2,590 ได้ ระดับราคาอาจตั้งเป้าหมายไปที่ระดับราคาที่ราวๆ $2,600 ก่อนที่จะเข้าใกล้ระดับ Fibonacci Extension 78.6% ที่บริเวณ $2,610 หากแรงเทซื้อทองคำสามารถผลักดันราคาให้พุ่งสูงขึ้นเหนือระดับ $2,610 ไปได้ จุดสนใจจะเปลี่ยนไปที่ระดับ Fibonacci Extension 100% ที่ประมาณ $2,650 และจากนั้นจะโฟกัสที่ระดับ $2,700 ต่อไป
สรุปภาพรวม ราคาทองคำยังคงอยู่ในช่วงแนวโน้มขาขึ้น แม้ล่าสุดจะมีการดึงกลับของระดับราคา เพื่อให้แรงเทขายสามารถกลับมาควบคุมตลาด จึงมีความจำเป็นที่ไม่เพียงแต่ต้องเห็นราคาทองคำปรับตัวลงต่ำกว่าเส้น 200-SMA เท่านั้น แต่ยังต้องมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่แข็งแกร่งและท่าทีสนับสนุนนโยบายการเงินที่เข้มงวดจากธนาคารกลางสหรัฐฯอีกด้วย