ออกจากระบบ
คุณจะแน่ใจหรือไม่ที่จะออกจากระบบ

ต้องซื้อ!! 5 อันดับหุ้นเด่นน่าลงทุนในปี 2021 นี้

เราเชื่อว่านักเทรดหุ้นทุกท่านอาจกำลังมองหาหุ้นน่าซื้อสักตัวที่มีแนวโน้มให้กำไรดีที่สุดในตอนนี้ ในขณะเดียวกัน นักเทรดต่างรู้ดีว่าตลาดหุ้นนั้นเอาแน่เอานอนไม่ได้ มักมีจังหวะเซอร์ไพรส์ให้เราตกใจเล่นอยู่เสมอ อย่างในปี 2020 ที่ผ่านมา หลายคนคงกุมขมับในช่วงที่วิกฤต COVID-19 ส่งผลกระทบให้ตลาดหุ้นดิ่งลงอย่างหนัก แต่ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่นักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งได้ซื้อหุ้น ณ ราคาที่ดีที่สุด และตอนนี้ก็คงขายได้กำไรกันไปหลายรอบแล้ว เอาล่ะ! เรื่องที่ผ่านมาแล้วไม่เป็นไร มาดูกันว่าตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไรในปี 2021 นี้? มีหุ้นตัวไหนน่าซื้อบ้าง? พร้อมแล้วไปลุยกันเลย!

None

ในปีที่ผ่านมา หุ้นที่น่าลงทุนและมีราคาบวกสวนทางกับตลาดส่วนใหญ่แล้วเป็นหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องหรือได้รับผลประโยชน์จากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และสถานการณ์การล็อกดาวน์จากไวรัสดังกล่าวนั่นเอง ซึ่งในปี 2021 นี้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าเทรนด์การเลือกซื้อหุ้นก็ยังคงเหมือนกับในปีที่ผ่านมา แต่ในขณะเดียวกัน นักลงทุนบางกลุ่มก็มองว่ามีโอกาสที่หุ้นบางตัวอาจฟื้นตัวขึ้นมาตามสภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น 

วันนี้เราได้รวบรวมหุ้น 5 ตัวที่น่าซื้อและน่าติดตามในปี 2021 นี้ มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!

1. หุ้นน่าซื้อตัวแรก: Adobe

บริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่อย่าง Adobe เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนอย่างมหาศาล โดยถึงแม้ว่าราคาหุ้น Adobe จะร่วงถึง 4.9% ในไตรมาสแรก แต่มีโอกาสที่หุ้นตัวนี้จะให้กำไรดีในไตรมาสต่อไป เนื่องจาก:

  • อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเท่าตัวของพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี จาก 0.92% ถึง 1.74%
  • ผลประกอบการของบริษัทเพิ่มขึ้น 26% ในระยะหลายปี
  • กำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 38%

จะเห็นได้ว่าผลประกอบการของบริษัทเพิ่มขึ้นจากการปล่อยซอฟต์แวร์อัปเดตตัวใหม่สำหรับ Adobe Creative Cloud, Experience Cloud และโปรแกรมอื่นๆ ที่มีการปรับปรุงฟีเจอร์ให้ดียิ่งกว่าเดิม

2. แนะนำหุ้นน่าซื้อตัวที่สอง: The Walt Disney Co.

บริษัท Disney เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อหุ้นที่เติบโตไว ถึงแม้ในตอนแรกหลายๆ คนจะกังวลที่บริษัทมีการปรับภาพลักษณ์หรือ Branding ขององค์กรใหม่ แต่ Disney ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าบริษัทยังมีการเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยการเปิดตัว Disney+ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งน้องใหม่ วัดความสำเร็จได้จาก:

  • ราคาหุ้น Disney เพิ่มขึ้นถึง 1.8% ในไตรมาสแรก
  • แพลตฟอร์ม Disney+ มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านคนในเวลาเพียง 16 เดือน

นอกจากนี้ ธุรกิจเรือสำราญของดิสนีย์ (Disney’s cruise business) ยังเป็นอีกหนึ่งบริการในเครือดิสนีย์ที่จะช่วยดันยอดผลประกอบการของบริษัทต่อไปในอนาคต

Industry-best trading conditions
Deposit bonus
up to 200% Deposit bonus 
up to 200%
Spreads
from 0 pips Spreads 
from 0 pips
Awarded Copy
Trading platform Awarded Copy
Trading platform
Join instantly

3. แนะนำหุ้นน่าซื้อตัวที่สาม: BJ’s Wholesale Club

ถึงแม้ในช่วงแรกผลประกอบการของ BJ นั้นค่อนข้างห่างจากบริษัทคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง Costco พอสมควร แต่ในไตรมาสที่ 3 บริษัท BJ สามารถเอาชนะ Costco ได้ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 168% จากการใช้สื่อออนไลน์ต่างๆ โดยบริษัทยังคงมีผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 ทำให้หุ้นนี้กลายเป็นหุ้นที่น่าลงทุนในทันที ทั้งนี้ ส่วนต่างผลประกอบการระหว่าง BJ และ Costco นั้นลดลงจาก 20% ในไตรมาสแรก เหลือเพียง 6.3% เท่านั้น

4. แนะนำหุ้นน่าซื้อตัวต่อมา: Alibaba Group

ในขณะที่ธุรกิจทั่วโลกหันมาโฟกัสที่ช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้นเพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แต่เจ้าพ่อตลาดซื้อขายออนไลน์ตลอดกาลอย่าง Alibaba ก็ยังเป็นบริษัทอันดับต้นๆ ที่มีรายได้เติบโตรวดเร็วมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น บริษัท eCommerce ยักษ์ใหญ่ของจีนเจ้านี้ยังเป็นตัวเลือกหุ้นที่น่าลงทุนและมีความเสี่ยงน้อยที่สุด ถึงแม้ราคาหุ้น Alibaba จะส่อแววเสี่ยงในช่วงไตรมาสแรกจากความกังวลว่าหุ้นจะโดน Delisted แต่สถานการณ์หุ้น Alibaba ก็มีการปรับตัวดีขึ้นจาก:

  • ผลประกอบการที่ก้าวกระโดดถึง 37% ในแต่ละปี
  • กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ที่เพิ่มขึ้นถึง 21%

สรุปง่ายๆ ก็คือบริษัท Alibaba สามารถดันให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นและเอาชนะความเสี่ยงได้ในที่สุด

5. แนะนำหุ้นน่าซื้อตัวสุดท้าย: Sonos

หุ้นที่เราเอามาแนะนำตัวสุดท้ายนี้อาจมีความพิเศษมากกว่าหุ้นตัวอื่นๆ เนื่องจากไม่มีใครคาดคิดว่าบริษัทผลิตเครื่องเสียงรายนี้จะกลายมาเป็นหุ้นที่ดีที่สุดในตลาด แต่ในที่สุดการผลิตเครื่องเสียง เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ในบ้าน และโปรเจ็คใหม่ๆ ของบริษัท Sonos ก็ได้ดันให้หุ้นของบริษัทโตขึ้นถึง 60.2% ในช่วงไตรมาสแรก และมีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นถึง 87% ในปีนี้

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน