ออกจากระบบ
คุณจะแน่ใจหรือไม่ที่จะออกจากระบบ

เรื่องราวความสำเร็จของ 3 นักเทรด Forex ระดับโลก!

None

ในวัยเด็ก เราต่างมีความฝันอยากจะเป็นนักบิน, นักอวกาศ, ซูเปอร์ฮีโร่, นักร้อง หรือ นักวิทยาศาสตร์ และผมเชื่อว่าทุกท่านคงเคยผ่านช่วงเวลาในการเล่นจำลองบทบาทเป็นคนนั้นคนนี้ที่เล่นเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อสักที เพราะมันเป็นเพียงโอกาสเดียวที่ทำให้เราได้เข้าใกล้ความฝันของเรามากยิ่งขึ้น มีคำถามมากมายที่เราสงสัยใคร่รู้ บางท่านอาจเคยนอนอ่านหนังสือใต้ผ้าห่มด้วยไฟฉายดวงน้อยๆ จนถึงเช้า ทุกคนต่างมีไฟที่เปล่งประกายอยู่ข้างใน และไม่หวาดหวั่นที่จะล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แล้วตอนนี้ไฟเหล่านั้นมันหายไปไหนแล้วล่ะครับ?

ถึงแม้วันนี้เราจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ฝันใฝ่อะไรอีกต่อไปเสียหน่อย อย่างน้อยๆ หากท่านกำลังนำเงินทุนสักก้อนมาลงทุนเทรด ท่านไม่ฝันอยากจะได้กำไรที่เจริญงอกงามจากการลงทุนเทรดนั้นหรอกหรือ? เชื่อเถอะครับว่าการทำกำไรโดยใช้พละกำลังและมันสมองของท่านเองนั้นมันวิเศษสุดๆ ไปเลยล่ะ!

ไม่ว่าท่านจะเป็นมือใหม่หัดเทรด forex หรืออาจเคยมีประสบการณ์การเทรดอยู่บ้างแล้ว สิ่งที่ไม่ต่างกันเลยก็คือท่านอาจกำลังฝันที่จะเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จในตลาด forex ในเร็ววัน ดังนั้น บทความนี้จะพาทุกท่านไปเรียนรู้เรื่องราวของนักเทรดที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง พร้อมทั้งเคล็ดลับสู่เส้นทางในการเทรดอย่างประสบความสำเร็จ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเทรดให้กับตัวเอง ถ้าท่านอยากรู้ว่าชายคนใดที่เป็นผู้พังทลายธนาคารกลางอังกฤษ? และใครที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "ราชาแห่งสกุลเงิน"? ไปติดตามเรื่องราวและประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นเหล่านั้นพร้อมกันเลยครับ

Industry-best trading conditions
Deposit bonus
up to 200% Deposit bonus 
up to 200%
Spreads
from 0 pips Spreads 
from 0 pips
Awarded Copy
Trading platform Awarded Copy
Trading platform
Join instantly

ติดตามอ่านเรื่องราวความสำเร็จของ:

จะเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จได้อย่างไร?

ลองนึกถึงตอนที่ท่านฝันอยากเป็นนักบินอวกาศดูนะครับว่าใครที่เป็นแรงบันดาลใจให้ท่านอยากท่องออกไปสู่ความเวิ้งว้างนั้น เพราะหนึ่งในวิธีการพัฒนาตนเองที่ดีที่สุด คือการเรียนรู้จากบุคคลต้นแบบที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับท่านนั่นเอง ดังนั้น การจะเป็นหนึ่งในนักเทรด forex ที่ประสบความสำเร็จได้ ท่านจะต้องมีเทรดเดอร์ต้นแบบที่สร้างแรงบันดาลใจให้ท่าน วันนี้เรามีตัวอย่างเทรดเดอร์ พร้อมเรื่องราวระหว่างทางที่นำพาพวกเขาไปสู่ความสำเร็จในการเทรดได้ในที่สุด โดย MTrading หวังว่าเรื่องราวเหล่านี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและเป็นแนวทางให้กับเทรดเดอร์มือใหม่ทุกท่านนะครับ อย่าลืมว่าเราเอาใจช่วยท่านอยู่เสมอ!

อยากเทรด forex แบบมือโปร แต่มีเวลาว่างน้อยเหลือเกิน? ลองใช้บริการ Copy trade เพื่อคัดลอกการเทรดแบบเรียลไทม์จากนักเทรดชั้นนำทั่วโลก และให้พวกเขาทำกำไรให้กับท่าน!

เพียงเลือกนักเทรดที่ท่านชื่นชอบ ก็สามารถติดตามสัญญาณเทรดของพวกเขาได้ทุกเมื่อ ทันที! และทุกครั้งที่เทรดเดอร์ที่ท่านเลือกทำการเทรด ออเดอร์เทรดนั้นก็จะปรากฎขึ้นในบัญชีของท่านโดยอัตโนมัติโดยที่ท่านยังสามารถปรับเปลี่ยนและควบคุมออเดอร์เหล่านั้นได้เองเสมอ!

George Soros

มาเริ่มกันที่เรื่องราวความโชคดีของเทรดเดอร์ระดับตำนานอย่าง George Soros

None

หากท่านลองค้นหาว่า "ใครคือนักเทรดที่มีชื่อเสียงมากที่สุด" ชื่อของ Soros จะต้องขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ เลยล่ะครับ เพราะเขาคือหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และถูกขนานนามว่าเป็น "ชายผู้ทำลายธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ" ด้วยการขายชอร์ตที่ทำกำไรได้มากถึง 1.5 พันล้านยูโรในวัน Black Wednesday (16 ก.ย. 1992) แค่เริ่มก็ฟังดูน่าตื่นเต้นแล้วใช่มั้ยล่ะ?

ต้องท้าวความก่อนว่าในช่วงเวลานั้น อังกฤษเป็นส่วนหนึ่งในการจัดตั้งระบบ Exchange Rate Mechanism (ERM) ซึ่งเป็นระบบที่ตรึงค่าเงินไว้ให้เกิดเสถียรภาพและไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆ แต่จู่ๆ เงินปอนด์ของอังกฤษกลับอ่อนค่าลงในขณะที่เงินมาร์คของเยอรมนีนั้นมีมูลค่ามากขึ้นทุกวันๆ เนื่องด้วยเศรษฐกิจเยอรมนีที่เติบโตและมั่นคง จนในที่สุดก็ได้กลายมาเป็นสกุลเงินหลักของยุโรปในยุคนั้น

ในขณะเดียวกัน อังกฤษเองก็ต้องการที่จะตรึงค่าเงินปอนด์เอาไว้ ถึงแม้มันจะกำลังร่วงลงไปแล้วก็ตาม โดยมีทางออก 2 ทางที่รัฐบาลอังกฤษจะยังหนุนค่าเงินไว้ได้ วิธีแรก คือการใช้จ่ายทองคำสำรองเพื่อซื้อเงินปอนด์ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เพื่อดันให้ค่าเงินปอนด์ของอังกฤษยังคงมีมูลค่าเทียบเท่ากับสกุลเงินอื่นๆ ในยุโรปนั่นเองครับ และอีกหนึ่งทางออก คือการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วรัฐบาลอังกฤษสามารถใช้ทั้ง 2 วิธีการพร้อมกันได้ แต่นั่นจะเป็นการแก้ปัญหาที่จะทำลายระบบเศรษฐกิจของประเทศได้เลยทีเดียว เพราะการใช้ทองคำสำรองก็คือการผลาญเงินภาษี และการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยก็จะยิ่งทำให้ธุรกิจการลงทุนที่แย่อยู่แล้วยิ่งแย่ไปกันใหญ่

ช่วงจังหวะวิกฤตนี้เองที่ George Soros คาดการณ์ไว้ได้อย่างแม่นยำว่าจะมีความผันผวนเกิดขึ้นในธนาคารกลางอังกฤษ เขาจึงได้เตรียมปืนใหญ่ไว้พร้อมเพื่อรอโจมตี!

Soros ใช้วิธีการอย่างไรน่ะหรือ? เขาเริ่มสะสมออเดอร์เงินปอนด์ที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาไม่เพียงไม่กี่เดือนก่อนที่ Black Wednesday จะมาถึง จากนั้นก็รอเพียงจังหวะในซุ่มยิงโดยการขายชอร์ต (Short sell) นั่นเอง

และแล้วในคืนก่อน Black Wednesday เขาได้รับแถลงการณ์จากประธานของธนาคารกลางเยอรมนี (Bundesbank) ซึ่งรายงานว่าจะมีสกุลเงินของยุโรป 1-2 สกุลเงินที่อาจร่วงลงในไม่ใช้ Soros ใช้ความโชคดีของเขาในการคาดการณ์ว่ามันน่าจะเป็นเงินปอนด์ของอังกฤษ เขาจึงได้ทำการ Hedge fund ด้วยความช่วยเหลือของพาร์ทเนอร์ของเขาในการตักตวงออเดอร์ชอร์ตของเงินปอนด์ และรวบรวมความกล้าหาญทั้งหมดที่มีในการยืมเงินมูลค่าพันล้านปอนด์ เพื่อทำกำไรด้วยการ hedge fund

None

พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์อังกฤษหลายฉบับในเดือน ก.ย. ปี 1992 ที่แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลอังกฤษ

หลายท่านอาจคิดว่าการยืมเงินจำนวนมหาศาลนั้นเป็นเรื่องเสี่ยงมากๆ ซึ่งก็คงไม่แปลก แต่สำหรับ Soros และพาร์ทเนอร์ของเขาแล้วนั้น การยืมครั้งนั้นถือเป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ในการทำกำไรมหาศาล ถึงแม้จะมีความเสี่ยงเกี่ยวกับอัตรากู้ยืมอยู่ก็ตาม แต่สุดท้าย ผลกำไรที่ได้นั้นช่างคุ้มค่าเหลือเกิน ลองจินตนาการดูสิครับว่า หากท่านทำแบบเดียวกันนี้:

  • สมมุติว่าท่านอยากเทรดชอร์ต (short sell) เงินปอนด์ ท่านจึงทำการยืม £100 มาพร้อมกับดอกเบี้ยจำนวนหนึ่ง จากนั้นท่านได้แลกเปลี่ยนเงินปอนด์นั้นเป็นสกุลเงินอื่นๆ จำนวน 200 ยูนิต โดยหวังว่ามูลค่าเงินปอนด์จะร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นที่ท่านมีอยู่
  • ทำไมต้องหวังเช่นนั้น? ก็เพราะว่าหากเงินปอนด์ร่วงลง 20% ท่านจะได้รับสกุลเงินอื่นที่ท่านซื้อมาจำนวน 220 ยูนิต หากท่านตัดสินใจแลกเปลี่ยนเงินปอนด์กลับคืนมา และหลังจากที่ท่านได้จ่ายดอกเบี้ยกลับคืนไป ท่านจะยังได้รับกำไร 15-19 ยูนิตของสกุลเงินนั้น

เอาล่ะ! คราวนี้ลองจินตนาการว่ากลยุทธ์ดังกล่าวนี้จะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลอังกฤษอย่างไร หากมีการเทรดชอร์ตกว่า 1.5 หมื่นพันล้านปอนด์? ในขณะเดียวกัน ณ เวลา 9 โมงเช้าของวัน Black Wednesday รัฐบาลอังกฤษคงไม่อาจทำอะไรเพื่อจะหยุดยั้งการร่วงของสกุลเงินได้ แม้ว่ารัฐบาลจะตัดสินใจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยจาก 10% เป็น 12% หรือซื้อเงินปอนด์กลับคืนมาจำนวนมากพอที่พวกเขาอาจซื้อได้ก็ตาม และในวันถัดมา เงินปอนด์มีมูลค่าน้อยลงถึง 15% เมื่อเทียบกับเงินมาร์คของเยอรมัน และ 25% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

หลังจากค่าเงินปอนด์ลดลง มูลค่าการ hedge fund ของ Soros ได้เพิ่มขึ้นถึง 2.2 หมื่นล้านปอนด์ เนื่องจากว่าผู้บริหารของ hedge fund นั้นได้รับกำไร 20% ของกำไรทั้งหมด ในขณะที่ Soros และพาร์ทเนอร์ของเขาได้รับเงิน 1.5 พันล้านปอนด์ต่อดีล

Stanley Druckenmiller

None

แน่นอนว่าอีกคนนึงที่จะไม่หลุดโผของนักเทรด forex ที่ดีที่สุดของโลกอย่างแน่นอนก็คือ Druckenmiller นักลงทุนผู้ใช้กลยุทธ์เทรดตาม George Soros ซึ่งได้จัดตั้งกลุ่มนักเทรดซื้อเก็งกำไรหุ้น (long buy) และกลุ่มนักเทรดชอร์ตหุ้น (short sell) รวมถึงการใช้เลเวอเรจเพื่อเทรดฟิวเจอร์สและสกุลเงิน

แต่เดิม Druckenmiller นั้นได้ทำงานให้กับ George Soros ตั้งแต่ปี 2000 และเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์ที่ช่วยสนับสนุน Soros ตลอดมาในระหว่างการอ่อนตัวของเงินปอนด์ในปี 1992

Druckenmiller ยังเป็นอดีตประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานคณะกรรมการบริหารของ Duquesne Capital ซึ่งก่อตั้งขึ้นมาในปี 1981 แต่ปิดตัวลงในปี 2010 เนื่องจากเขารู้สึกว่าจำนวนเงินที่ต้องคืนให้ลูกค้านั้นมันหนักหนาจนเกินไป โดยในบทความของ Wall Street Journal เขาได้ให้สัมภาษณ์ว่า "ผมได้แจ้งลูกค้าว่าผมกำลังคืนเงินทั้งหมดให้พวกเขา และจะปิดบริษัทที่ดำเนินการมาถึง 30 ปี เนื่องจากผมไม่อาจรับมือกับอารมณ์และความผิดหวังอันเป็นผลมาจากการไม่สามารถทำตามความคาดหวังของตัวผมเองได้" เขายอมรับว่ามันยากมากที่จะทำกำไรจำนวนมหาศาล เนื่องจากมันไม่ง่ายเลยที่จะต้องรับผิดชอบและจัดการเงินจำนวนมากเหล่านั้น

ในปี 2009 เขาได้รับการยกย่องให้เป็นบุคคลที่ใจบุญและมีเมตตามากที่สุดในอเมริกา เนื่องจากเขาได้นำเงินลงทุนของเขาไปสนับสนุนและช่วยเหลือการวิจัยทางการแพทย์, การศึกษา, นโยบายขจัดความยากจน และการค้นคว้าศึกษาในด้านอื่นๆ

Bill Lipschutz

None

Bill Lipschutz เป็นตัวอย่างบุคคลที่พิสูจน์ให้เห็นว่า บางครั้งเวลาเพียงวันเดียวก็เพียงพอที่จะกอบโกยกำไรมหาศาลจากการเทรด forex หากเรามีความมานะ อุตสาหะ และพยายามมากเพียงพอ

ในวัยเด็ก Lipschutz ได้รับมรดกเป็นหุ้นจำนวน $12,000 หลังจากคุณย่าของเขาได้เสียชีวิตลง และในช่วงวัยเรียน Lipschutz ได้ใช้เวลาว่างในการเริ่มต้นลงทุน โดยเรียนรู้จากการอ่านหนังสือในห้องสมุด ทำการศึกษาค้นคว้า และอ่านข้อมูลเกี่ยวกับตลาดอย่างละเอียด

เขาได้เริ่มทำงานให้กับ Salomon Brothers ในการก่อตั้งหน่วยงานเทรด Forex แห่งใหม่ โดย Salomon Brothers ได้รวบรวมทีมนักเทรดและวางแผนการเรียนรู้การเทรดสกุลเงิน และในปี 1985 Lipschutz ทำเงินให้กับ Salomon Brothers ถึง 300 ล้านเหรียญต่อปี!

หลังจากนั้นในปี 1995 Bill Lipschutz ได้ก่อตั้ง Hathersage Capital Management และเป็นผู้อำนวยการบริหารการลงทุนที่เชี่ยวชาญสกุลเงิน G10 (สกุลเงินของกลุ่มประเทศสมาชิกของ IMF 10 ประเทศ) และในที่สุดความสำเร็จด้านอาชีพการงานของเขาได้เป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเขาเองสร้างบริษัทเทรด forex ที่มีมูลค่าถึง $200 ล้านในที่สุด

Lipschutz ได้รับการขนานนามว่า "The Sultan of Currencies" หรือ "ราชาแห่งสกุลเงิน" นั่นเองครับ เขายังได้กล่าวว่าตลาด forex นั้นเป็นตลาดที่เต็มไปด้วยอารมณ์และจิตวิทยา และประสบการณ์เทรดของเขาสอนให้รู้ว่า อย่างน้อยๆ การรู้จังหวะเวลาเทรดที่เหมาะสมประมาณ 20-30% นั้นจะทำให้ท่านได้รับกำไรมหาศาลได้ไม่ยาก และนี่คือ...

เทคนิคการเทรดจาก Bill Lipschutz

  • การหาสมดุลระหว่าง Risk และ Reward - หลักการเทรดที่สำคัญของเขา คือ การให้ความสำคัญกับการคำนวณความคุ้มค่าระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการลงทุน หรือ Risk-reward ratio โดยเขากำหนดว่า การเทรดระยะสั้นควรจะมีอัตรา risk-reward ratio เท่ากับ 3:1 เท่าของขาขึ้นถึงขาลง ซึ่งนั่นหมายความว่า จะต้องเลือกเปิดออเดอร์ที่โอกาสทำกำไรนั้นเป็นอย่างน้อย 3 เท่าของจำนวนที่อาจเสี่ยงขาดทุน และในการเทรดอื่นๆ ที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น หรือมีความเสี่ยงมากขึ้น อัตรานั้นควรจะเท่ากับ 5:1 เป็นอย่างต่ำ
  • ให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ - การเทรดผิดจังหวะเวลานั้นอาจเป็นบทเรียนที่มีมูลค่ามหาศาลสำหรับเทรดเดอร์หลายๆ ท่าน ดังนั้น สิ่งสำคัญก็คือ การเปิดหรือปิดออเดอร์ในจังหวะเวลาที่เหมาะสม ศึกษารายละเอียดทุกอย่างที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ท่านเทรดได้ชนะมากยิ่งขึ้น แล้วอย่าลืมจำกัดและบริหารความเสี่ยงในการเทรดอยู่เสมอ
  • ใส่ใจอารมณ์และความอ่อนไหวของตลาด - ไม่ว่าท่านจะใช้กลยุทธ์หรือเทคนิคเทรดใดๆ ก็ตาม หากท่านไม่ใส่ใจมุมมองของตลาดให้มากพอ ท่านก็อาจเทรดพลาดเอาได้ง่ายๆ
  • ไม่เจ็บปวด ก็ไม่เติบโต - Lipschutz เรียกได้ว่าเป็นนักเทรดที่ชาญฉลาด มีความพยายาม และทุ่มเทให้กับการทำงานมากที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ จะเห็นได้ว่าการมีความรู้ ฉลาด เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ และการจดจ่ออยู่แค่ว่าจะต้องได้เงิน ได้กำไร นั้นนับเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่หลวง เพราะต้องยอมรับว่าการจะเทรดให้ได้กำไรนั้นไม่ได้จบในเวลาสั้นๆ แต่มันคือวิถีชีวิตเลยต่างหากล่ะครับ

ขอให้เทรดเดอร์ทุกท่านโชคดีกับการเทรด แล้วอย่าลืมหมั่นเพิ่มความรู้ในการเทรดเพิ่มเติม ด้วย คลาสสอนเทรดออนไลน์ และ บทเรียนการเทรด จาก MTrading ทุกครั้งที่ท่านมีข้อสงสัยใดๆ สามารถขอคำปรึกษาเพิ่มเติมได้จากทีมงานของเราผ่านทาง Live Chat บนหน้าเว็บไซต์ MTrading.com/th

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน