การเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้เป็นขั้นตอนสำคัญก่อนที่คุณจะเริ่มทำการเทรด แพลตฟอร์มการเทรดที่ดีคือพันธมิตรในระยะยาวของคุณที่พร้อมเสมอที่จะช่วยเหลือหรือจัดหาฟีเจอร์การซื้อขายที่จำเป็นให้คุณ อย่างไรก็ตามผู้เริ่มต้นเทรดบางคนสับสนกับการเลือกเว็บไซต์และประเภทของโบรกเกอร์ที่ให้บริการ
ในบทความนี้ เราจะอธิบายความแตกต่างระหว่างการเทรด ECN และ STP โดยคุณจะได้เรียนรู้ว่าโบรกเกอร์แต่ละประเภทกำหนดเส้นทางคำสั่งซื้อขายอย่างไร ข้อดีและข้อเสียของแต่ละโบรกเกอร์ และข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าโบรกเกอร์ประเภทใดเหมาะกับคุณมากกว่าและเพราะเหตุใด
โดยทั่วไปจะมีโบรกเกอร์อยู่ 2 ประเภท โดยประเภทแรกจะจัดการคำสั่งซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มที่เรียกว่า "dealing desk" (โบรกเกอร์ที่ไม่ได้นำออเดอร์ของลูกค้าเข้าสู่ตลาดจริงโดยตรง) ซึ่งทั้งโบรกเกอร์ ECN และ STP อ้างอิงประเภทของแพลตฟอร์ม “non-dealing desk” หมายความว่าคำสั่งซื้อทั้งหมดจะถูกส่งไปที่ตลาดจริงโดยตรง (เป็นเพียงตัวกลางที่จะคอยนำคำสั่งของลูกค้าไปสู่ตลาดจริงหรือที่เรียกกันว่า Interbank market) ซึ่งกระบวนการนี้จะทำให้ทั้งคู่เป็นตัวเลือกที่ดีด้วยเหตุผลหลายประการดังนี้:
นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถรับประโยชน์จากเงื่อนไขการเทรดแบบเรียลไทม์พร้อมกับการเข้าถึงตลาดระหว่างธนาคาร (interbank market) ได้โดยตรง
ดังนั้น การเทรด ECN/STP คืออะไรกันแน่? ทั้งสองคอนเซ็ปต์แตกต่างกันอย่างไรและควรเลือกแบบใด?
ประการแรก ทั้ง ECN และ STP หมายถึงโบรกเกอร์แบบ non-dealing desk โดยเทรดเดอร์สามารถออกคำสั่งซื้อขายแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ทันที 100% ในขณะที่ระบบจะเลือกราคาที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติ ฟีเจอร์นี้ช่วยลดความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเทรดเดอร์และโบรกเกอร์ของตนได้
ECN ย่อมาจาก Electronic Communications Network โบรกเกอร์เหล่านี้ไม่มีการแทรกแซงในขณะที่กำหนดเส้นทางคำสั่งซื้อของคุณไปยังตลาดระหว่างธนาคารโดยตรง ตามที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ คำสั่งซื้อแต่ละรายการจะแสดงด้วยราคาที่ดีที่สุดในตลาด ภารกิจหลักของโบรกเกอร์ ECN คือการให้บริการกำหนดเส้นทางแม้ว่าจะมีคำสั่งอื่นๆของเทรดเดอร์หรือคำสั่งหยุดก็ตาม
STP หมายถึงการประมวลผลโดยตรง เทคโนโลยีนี้ใช้ในการซื้อขายแต่ละครั้งและส่งต่อไปยังตลาดหรือคู่สัญญารายอื่นทางอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวง่ายๆ ก็คือ คำสั่งซื้อจะถูกส่งไปโดยอัตโนมัติเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เส้นทางอาจแตกต่างออกไป
ความคล้ายคลึงกันหลักคือไม่มีโบรกเกอร์รายใดส่งคำสั่งซื้อขายผ่าน the dealing desk โดยกระบวนการซื้อขายจะไปที่ตลาดโดยตรง นอกจากนี้ คุณต้องพิจารณาความคล้ายคลึงกันอื่นๆ ก่อนเริ่มซื้อขายดังนี้:
แม้จะมีความคล้ายคลึงกันมากมาย แต่การซื้อขาย ECN และ STP นั้นไม่เหมือนกัน
ก่อนที่คุณจะเลือกโบรกเกอร์เพื่อเริ่มการซื้อขาย สิ่งสำคัญคือคุณต้องเข้าใจความแตกต่างต่อไปนี้อย่างชัดเจน:
การเลือกประเภทของโบรกเกอร์จะขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ที่คุณเลือกใช้รวมถึงการตั้งค่าการซื้อขายของแต่ละคนเพื่อให้การเลือกของคุณง่ายขึ้น เราได้เน้นประเด็นหลักบางประการที่คุณต้องคำนึงถึง
ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ความแตกต่างหลักระหว่างโบรกเกอร์ ECN และ STP อยู่ที่วิธีการกำหนดเส้นทางคำสั่งของลูกค้า ทางด้านโบรกเกอร์ ECN จะโอนการซื้อขายแต่ละครั้งโดยตรงไปยังสภาพแวดล้อมการซื้อขายระหว่างธนาคารโดยข้ามตัวกลางและคู่สัญญาอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ทำให้โบรกเกอร์ ECN เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการดำเนินการสั่งซื้อขายหลายรายการในทันที เช่น เทรดเดอร์ที่เน้นการเก็งกำไรระยะสั้นโดยเน้นความถี่ (scalpers)
ส่วนทางโบรกเกอร์ STP จะส่งการซื้อขายไปยังคู่สัญญารายอื่น ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้หมายถึงการดำเนินการที่ล่าช้า เนื่องจากพวกเขายังคงไม่ได้ใช้ dealing desks ในการจัดการธุรกรรม อย่างไรก็ตามอาจจะยังส่งผลต่อความเร็วในการดำเนินการโดยรวมได้เช่นกัน
เมื่อพิจารณาจากประเด็นก่อนหน้านี้ เป็นที่ชัดเจนว่าโบรกเกอร์ ECN ส่งคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็วกว่า ส่งผลให้ความเร็วในการดำเนินการจะสูงขึ้น กล่าวง่ายๆ ก็คือ นักลงทุนจะได้รับเวลาในการเทรดมากขึ้นนอกเหนือไปจากต้นทุนที่ลดลง
สำหรับโบรกเกอร์ STP เวลาในการดำเนินการอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเส้นทางที่เลือกเพื่อส่งคำสั่งซื้อขายของคุณไปยังตลาด ดังที่เราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้
ในส่วนของคำถามเกี่ยวกับต้นทุนและค่าธรรมเนียมมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เพิ่งเริ่มซื้อขาย โบรกเกอร์ ECN เรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นสำหรับทุกการซื้อขายแม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไรก็ตาม คุณจะได้กำไรหรือขาดทุนก็ยังคงต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น แต่โดยทั่วไปแล้วจะเก็บไม่ในอัตราที่สูงมากนัก
โดยปกติแล้วโบรกเกอร์ STP จะเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นจากผลกำไร แม้ว่าปกติพวกเขาจะกำหนดสเปรดที่คงที่เป็นส่วนใหญ่ แต่บางแพลตฟอร์มก็ให้บริการเทรดเดอร์ด้วยสเปรดแบบผันแปร
ตอนนี้ เรามาเน้นที่หลักสำคัญและพลาดไม่ได้ของการเทรดกับโบรกเกอร์ ECN
ตอนนี้ เรามาเน้นที่หลักสำคัญและพลาดไม่ได้ของการเทรดกับโบรกเกอร์ ECN
ข้อเสียเปรียบหลักคือเทรดเดอร์จะถูกเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นในทุกๆคำสั่งที่พวกเขาเปิด ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะได้กำไรหรือขาดทุน พวกเขาจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเสมอ
ไม่ได้หมายความว่าโบรกเกอร์ ECN เป็นเพียงตัวเลือกเดียวในการเริ่มซื้อขาย โบรกเกอร์ STP ก็ยังมีความสมเหตุสมผลขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และแนวทางเฉพาะที่คุณเลือกใช้ มาดูข้อดีของมันกัน
อย่างที่คุณเห็น ประโยชน์ที่ได้รับเป็นส่วนใหญ่ต่างเหมือนกัน
สำหรับข้อเสีย โดยทั่วไปการเทรด STP จะใช้เป็นตัวเชื่อมระหว่างเทรดเดอร์กับแพลตฟอร์มที่ใหญ่กว่า ส่งผลให้ขาดความโปร่งใสในการดำเนินคำสั่งซื้อขาย พูดง่ายๆ ก็คือ เทรดเดอร์ไม่สามารถติดตามเส้นทางของคำสั่งซื้อขายของตนได้
ทั้งนี้ โบรกเกอร์ทั้งสองแบบสามารถเป็นตัวเลือกที่ดีในการเริ่มการเทรดได้ โดยที่โบรกเกอร์ ECN อาจทำให้การกำหนดเส้นทางคำสั่งซื้อขายที่โปร่งใสขึ้นอีกเล็กน้อย นอกเหนือไปจากการเสนอความผันผวนของราคาและสเปรดระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขายที่ต่ำ ทั้งหมดนี้สามารถส่งผลให้ต้นทุนการเทรดลดลงและสามารถดำเนินการได้เร็วขึ้นในระยะยาว
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน