5 อันดับค่าเงินที่แข็งค่าที่สุดในโลกปี 2021 นี้มีอะไรบ้าง?

เมื่อมีคำถามเกิดขึ้นว่าค่าเงินไหนที่แข็งค่าที่สุดในโลก อยากทราบว่าค่าเงินแรกที่ท่านนึกถึงคืออะไร? ขอเดาว่าหลายๆ ท่านคงคิดถึงเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเงินปอนด์ของอังกฤษซึ่งถือเป็นสกุลเงินหลักที่มีอิทธิพลต่อตลาดเงินตราต่างประเทศมาเป็นเวลายาวนาน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่นักเพราะเราต่างรู้ดีว่าเงินดอลลาร์คือเงินตราหลักที่ใช้เป็นเงินทุนสำรองของโลก และยังไม่มีสกุลเงินใดที่จะมาแทนเงินดอลลาร์ได้ในขณะนี้ เพราะอิทธิพลของค่าเงินดอลลาร์นั้นได้รับแรงหนุนจากสภาวะทางการเมืองและเศรษฐกิจของสหรัฐนั่นเองครับ

แต่ที่น่าแปลกใจก็คือจากการรวบรวมอันดับค่าเงินที่แข็งค่ามากที่สุดในโลกวันนี้กลับไม่มีค่าเงิน USD และ GBP ติดอยู่ใน 5 อันดับเงินที่แข็งค่าที่สุด แต่เงินที่แข็งที่สุดอันดับแรกกลับเป็นสกุลเงินดีนาร์คูเวต (KWD) ซึ่งเป็นเงินที่มีมูลค่ามากที่สุดในปี 2021 นี้ และจะเห็นมูลค่าที่สูงอย่างชัดเจนเมื่อเทรดคู่กับเงิน INR

เอาล่ะ! ลองมาดูสกุลเงินที่แข็งค่าที่สุดในปีนี้ว่าจะเป็นเงินของประเทศอะไร แต่เราขอย้ำอีกทีว่าถึงแม้เราจะไม่ได้นำเงิน USD มาจัดอยู่ใน 5 อันดับนี้ (เพราะอยากให้ทุกท่านได้ไอเดียเกี่ยวกับสกุลเงินใหม่ๆ บ้าง) แต่เงิน USD ก็ยังเป็นสกุลเงินยอดฮอิตที่ผู้คนยังนิยมเทรดกันมากมายทั่วโลก และเป็นเงินที่มีอิทธิพลต่อค่าเงินอื่นๆ แบบที่ยังไม่มีสกุลเงินไหนสามารถทดแทนได้

5 อันดับสกุลเงินที่แข็งค่าที่สุดในโลก

วันนี้เราได้จัด 5 อันดับสกุลเงินที่มีค่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับเงินรูปีอินเดีย (INR) ซึ่งเป็นสกุลเงินที่แข็งค่ามากที่สุดในปีนี้หากไม่นับรวมสกุลเงินหลักที่แข็งค่าและเป็นที่นิยมสำหรับการเทรดตลอดการอย่าง USD และ GBP ซึ่งเราจะไม่นำมาจัดอันดับในวันนี้ เนื่องจากในปัจจุบันตลาดการเงินมีการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ วัน เราจึงอยากนำเสนอไอเดียใหม่ๆ เป็นตัวเลือกการลงทุนให้กับทุกท่าน ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยดีกว่าว่า 5 อันดับนี้มีอะไรบ้าง

1. ดีนาร์คูเวต (KWD) - 245.70 INR ต่อ 1 KWD

ใช่แล้วครับ ท่านได้ยินไม่ผิด! ดีนาร์คูเวต (Kuwaiti Dinar หรือ KWD) เป็นสกุลเงินที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกตอนนี้ ที่สำคัญคู่เงิน INR/KWD ยังเป็นคู่เงินที่นิยมเทรดกันมากที่สุดอีกด้วย สาเหตุมาจากการที่ชาวอินเดียที่ย้ายไปทำงานในคูเวตเป็นจำนวนมากนั่นเองครับ และด้วยค่าเงิน KWD ที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นในทุกปี ทำให้ประเทศคูเวตมีสภาวะทางการเงินที่มั่นคงมากยิ่งขึ้น ซึ่งแต่เดิมก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจมั่งคั่งเนื่องจากเป็นแหล่งส่งออกน้ำมันหลักของโลก

2. ดีนาห์บาห์เรน (BHD) – 196.47 INR ต่อ 1 BHD

แน่นอนว่าเงินดีนาห์บาห์เรน (Bahraini Dinar หรือ BHD) จะเป็นสกุลเงินของเทศไหนไปไม่ได้นอกจากประเทศบาห์เรนนั่นเองครับ ซึ่งหลายๆ ท่านก็คงพอทราบดีแล้วว่าถึงแม้ประเทศบาห์เรนจะเป็นประเทศเล็กๆ ในอ่าวเปอร์เซีย แต่ประเทศนี้ก็มีเศรษฐกิจในประเทศที่ดีไม่แพ้ประเทศใหญ่ๆ เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งแหล่งผลิตและส่งออกน้ำมันสำคัญของโลก เงิน BHD จึงกลายเป็นสกุลเงินยอดนิยมสำหรับชาวอินเดียที่ทำงานและอาศัยอยู่ในบาห์เรน และทำให้คู่เงิน INR/BHD เป็นคู่เงินยอดนิยมในหมู่นักลงทุน

3. เรียลโอมาน (OMR) – 192.47 INR ต่อ 1 OMR

อันดับที่ 3 ตกเป็นของเงินเรียลโอมาน (Omani Rial หรือ OMR) ซึ่งเป็นสกุลเงินของโอมานที่เริ่มใช้หลังจากปี 1940 เป็นต้นมา โดยก่อนหน้านั้นประเทศโอมานซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรอาหรับได้ใช้เงินรูปีอินเดียเป็นสกุลเงินหลัก โดยประเทศนี้ก็เป็นแหล่งผลิตน้ำมันที่ใหญ่มากแห่งหนึ่งของโลก ทำให้ประเทศนี้มีเศรษฐกิจที่ดีเช่นกัน ทั้งนี้ สิ่งที่เทรดเดอร์ควรรู้ก็คือเงิน OMR นั้นจะแปรผันไปตามเงินดอลลาร์สหรัฐ

4. ดีนาร์จอร์แดน (JOD) – 104.33 INR ต่อ 1 JOD

มาต่อกันที่อันดับที่ 4 ซึ่งก็คือเงินดีนาร์จอร์แดน (Jordan Dinar หรือ JOD) นั่นเอง โดยทั้งเงินดีนาร์จอร์แดนและเชเกลอิสราเอลเคยเป็นสกุลเงินหลักของประเทศอิสราเอลมาก่อน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้สกุลเงิน JOD ติดอันดับเงินที่แข็งค่ามากที่สุดวันนี้เนื่องจากรัฐบาลของจอร์แดนมีมาตรการที่ชัดเจนในการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนให้คงที่ ทำให้คู่เงิน JOD/EUR เป็นอีกหนึ่งคู่เงินที่นักลงทุนนิยมเทรดกันมากที่สุดคู่หนึ่งเลยก็ว่าได้

5. ปอนด์ยิบรอลตาร์ (GIP) – 103.20 INR ต่อ 1 GIP

เงินปอนด์ยิบรอลตาร์จะผันแปรไปตามเงินปอนด์ของอังกฤษเนื่องจากยิบรอลตาร์เป็นดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร ทำให้นอกจากคู่เงิน EUR/GBP แล้ว นักลงทุนยังนิยมเทรดคู่เงิน EUR/GIP ด้วยเช่นกัน โดยความเคลื่อนไหวหลักทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นมาจากอุตสาหกรรมอย่างเกมอีสปอร์ต และการท่องเที่ยว เป็นต้น

ข้อควรรู้: ถึงแม้ดอลลาร์สหรัฐจะเป็นสกุลเงินยอดนิยม แต่เมื่อนำมาเทียบอัตราแลกเปลี่ยนกับสกุลเงินรูปีอินเดีย 1 USD จะเท่ากับ 74.06 INR ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าเป็นอันดับที่ 10 นั่นเองครับ

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน