นักลงทุนดูเหมือนจะมีความหวังอย่างระมัดระวังในเช้าวันจันทร์ เนื่องจากสัญญาณเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงจากสหรัฐฯ ประกอบกับการคาดการณ์ว่าความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศเศรษฐกิจหลักน่าจะคลี่คลายลงหลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ความกังวลก่อนหน้าการเลือกตั้งของสหราชอาณาจักรในสัปดาห์นี้ โดยตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ และรายงานการประชุมล่าสุดของคณะกรรมการ FOMC ยังคงเป็นปัจจัยที่ท้าทายโมเมนตัมของตลาด
ด้วยปัจจัยสนับสนุนดังกล่าว ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ขยายการปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ และท้าทายแนวโน้มขาขึ้น 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน คู่เงิน EURUSD พุ่งสูงขึ้นมากกว่าคู่สกุลเงิน G10 อื่นๆด้วยช่องว่างของระดับราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ แม้จะมีผลสำรวจความคิดเห็นก่อนการเลือกตั้งของฝรั่งเศสที่ค่อนข้างแย่ก็ตาม นอกจากนี้ คู่เงิน GBPUSD ยังได้รับแรงหนุนจากการดึงกลับของดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนที่จะมีการรายงานตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจสำคัญๆออกมา ส่วนทางด้านคู่เงิน USDJPY ยังคงขยับตัวสูงขึ้นใกล้เคียงกับระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 1986 เมื่อวันก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม คู่เงิน AUDUSD และคู่เงิน NZDUSD อยู่ภายใต้แรงกดดันท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ผันผวน ในขณะที่คู่เงิน USDCAD พยายามฟื้นตัวจากช่วงแนวโน้มขาลง 3 สัปดาห์ แม้ว่าราคาสินค้าส่งออกหลักของแคนาดาอย่างน้ำมันดิบจะแข็งแกร่ง
โดยที่ราคาน้ำมันดิบยังคงแข็งแกร่งที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่ไม่ตอบสนองต่อข่าวการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ราคาทองคำยังคงซบเซาหลังจากรูปแบบกราฟแท่งเทียน Doji ปรากฏบนกราฟรายเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางสภาวะตลาดที่ผันผวนและการขาดแรงเทซื้อจากจีน
ในอีกทางหนึ่ง BTCUSD และ ETHUSD ต่างก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 1% โดยรักษาระดับการฟื้นตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าท่ามกลางความคาดหวังใหม่ในตลาดคริปโต เนื่องมาจากการมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นก่อนการเปิดตัว spot ETF
มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์เหล่านี้:
ดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE Price Index) ของสหรัฐฯที่เผยแพร่ในวันศุกร์ช่วยยืนยันแนวโน้มที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยสองครั้งในปี 2024 หลังจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญปรับลดลงในเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอีกประการหนึ่ง คือ ความเห็นพ้องกันอย่างกว้างขวางที่ว่า ความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศเศรษฐกิจหลักอันเนื่องมาจากการเลือกตั้งทั่วไปน่าจะยุติลงด้วยการประนีประนอมของพรรคฝ่ายรัฐบาลในที่สุด
แม้ว่าดัชนีราคา PCE พื้นฐานของสหรัฐฯที่ปรับตัวลง และความคาดหวังเกี่ยวกับการคลี่คลายปัญหาทางการเมืองจะเป็นปัจจัยหลักที่กดดันให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงล่าสุด แต่ข้อมูลตัวเลขการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (UoM) ที่ปรับลดลง รวมถึงความล้มเหลวของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯในการสนับสนุนแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียว ก็ยังส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯก่อนที่จะมีการเปิดเผยตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ส่วนใหญ่ของจีนประจำเดือนกรกฎาคมที่ออกมาในหลากหลายทิศทาง และความคาดหวังเชิงบวกของผู้กำหนดนโยบายทางฝั่งเอเชีย ก็ยังคงช่วยหนุนสภาวะการพร้อมรับความเสี่ยงของนักลงทุนในตลาด ซึ่งในอีกทางหนึ่งก็เป็นอุปสรรคต่อช่วงแนวโน้มขาขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเช่นกัน
ในทางกลับกัน การเลือกตั้งของฝรั่งเศสชี้ให้เห็นถึงชัยชนะของพรรคฝ่ายขวาจัด ซึ่งเป็นผลให้คู่เงิน EURUSD ร่วงลงจากความพ่ายแพ้อย่างรุนแรงของพรรคฝ่ายรัฐบาล อย่างไรก็ตาม รายละเอียดยังบ่งชี้ว่า Emmanuel Macron ประธานาธิบดีคนปัจจุบันยังคงสามารถรักษาที่นั่งทางฝั่งรัฐบาลไว้ได้ด้วยการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยและการฟื้นฟูดุลอำนาจด้วยการหาแนวร่วมรัฐบาลหลังการเลือกตั้งรอบที่สอง นอกจากนี้ ความหวังที่จะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่น้อยลงจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) หลังจากการประกาศล่าสุด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น ยังช่วยให้ยูโรยังคงแข็งค่าขึ้นท่ามกลางการดึงกลับของดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน ความหวังที่พรรคทางฝั่งอนุรักษ์นิยมจะรักษาอำนาจไว้ได้หลังการเลือกตั้งทั่วไปของสหราชอาณาจักรในวันพฤหัสบดีนี้ ประกอบกับการปรับปรุงตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ปี 2024 ของสหราชอาณาจักรในวันศุกร์ ยังช่วยหนุนราคาคู่เงิน GBPUSD ให้ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากยุติการร่วงลงติดต่อกัน 3 สัปดาห์
ในทางตรงกันข้าม คู่เงิน USDJPY ขยายแนวโน้มขาขึ้นเป็นเวลา 3 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่จุดสูงสุดในรอบหลายปีเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยอาจมีสาเหตุหลักมาจากตัวเลขดัชนี PMI ของญี่ปุ่นและผลสำรวจภาคอุตสาหกรรมรายไตรมาสที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) อาจจะต้องทบทวนนโยบายการเงินที่เข้มงวด
นอกจากนี้ คู่เงิน AUDUSD ท้าทายช่วงแนวโน้มขาขึ้น 3 สัปดาห์ ในขณะที่ คู่เงิน NZDUSD ยังคงถูกกดดันหลังจากร่วงลงในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา สืบเนื่องมาจากดัชนี PMI ทั้งข้อมูลอย่างเป็นทางการและจากสถาบัน Caixin ของจีนมีตัวเลขการรายงานที่ไม่น่าประทับใจนักในเดือนมิถุนายน ถึงกระนั้น ความพยายามของผู้กำหนดนโยบายในการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศสำคัญๆในภูมิภาคแปซิฟิก รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจภายในด้วยมาตรการเพิ่มเติม ยังช่วยพยุงมูลค่าสินค้าโภคภัณฑ์และสกุลเงินกลุ่ม Antipodeans ไว้อีกด้วย โดยคู่เงิน USDCAD ยังคงไม่มีทิศทางที่ชัดเจน แม้จะมีตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของแคนาดาที่สดใสและราคาน้ำมันที่ขยับตัวสูงขึ้น เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศแคนาดา (BoC) ยังคงไม่มีแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด
อีกทางด้านหนึ่ง ราคาน้ำมันดิบยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง หลังจากอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นเป็นเวลา 3 สัปดาห์ โดยพุ่งสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนในวันก่อนหน้า แม้ว่าข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) จะชี้ว่ามีการผลิตน้ำมันดิบในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น สาเหตุที่น่าจะเป็นไปได้สำหรับการพุ่งขึ้นล่าสุดของราคาน้ำมันดิบ อาจเกี่ยวข้องกับความคาดหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองที่รุนแรงต่อเนื่องในรัสเซียและตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ ราคาทองคำไม่สามารถดึงดูดนักลงทุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้ท่ามกลางตลาดที่ผันผวน เช่นเดียวกับรูปแบบกราฟแท่งเทียนขาลงที่ปรากฏบนกราฟรายเดือน เนื่องจากเทรดเดอร์ยังคงรอคอยการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ของสหรัฐฯ และตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รายเดือน
ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายตัวจะทยอยเปิดเผยในวันจันทร์นี้ โดยจะเป็นปัจจัยที่กระตุ้นนักเทรดที่อาศัยโมเมนตัมในการเทรด เริ่มต้นด้วย การรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนี และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต S&P Global และ ISM ของสหรัฐฯประจำเดือนมิถุนายน และปิดท้ายด้วยดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักรสำหรับเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ข่าวสารทางการเมืองทางฝั่งของยุโรปและอังกฤษ รวมถึงสัญญาณอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯจะได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และควรติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อหาทิศทางที่ชัดเจน ท่ามกลางภาวะการพักตัวของตลาดหลังจากการเคลื่อนไหวในช่วงปลายเดือนและปลายไตรมาส หากสัญญาณเบื้องต้นชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มปรับนโยบายการเงินกลับสู่ภาวะปกติ ประกอบกับมีความตึงเครียดทางการเมือง ดอลลาร์สหรัฐฯอาจกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์และสกุลเงินกลุ่ม Antipodeans ด้วยเช่นกัน
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด !