ในวันซื้อขายวันสุดท้ายของปี 2023 แสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวของตลาดเล็กน้อยท่ามกลางปฏิทินเศรษฐกิจที่เบาบาง อย่างไรก็ตาม ความหวังที่จะได้เห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2024 และพาดหัวข่าวด้านความเสี่ยงจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ลดน้อยลงจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในเชิงบวก ด้วยเหตุนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐฯจึงกลับเข้าสู่แนวโน้มขาลงอีกครั้งหลังจากมีการฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อวันก่อนหน้า
เมื่อพิจารณาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลง สินค้าโภคภัณฑ์และค่าเงิน AUD,NZD ได้ปรับตัวขึ้นตามแนวโน้มเดิม ในขณะที่สกุลเงินหลักอื่นๆก็ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าจะไม่มีแรงจูงใจที่สำคัญภายในประเทศก็ตาม
เป็นผลให้คู่เงิน EURUSD และคู่เงิน GBPUSD พุ่งสูงขึ้นเล็กน้อยที่ระดับสูงสุดในรอบหลายเดือนเมื่อไม่นานมานี้ ในขณะที่แรงเทซื้อทองคำเข้าโจมตีอุปสรรคสำคัญ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังขาดโมเมนตัมการฟื้นตัวท่ามกลางความกลัวทางเศรษฐกิจใน จีน ยุโรป และสหราชอาณาจักร เช่นเดียวกับความกลัวว่าความขัดแย้งครั้งล่าสุดใน OPEC+ จะส่งผลให้โครงการลดกำลังการผลิตของกลุ่มพันธมิตรต้องหยุดชะงักและทำให้อุปทานไหลออกมามากขึ้น
ในอีกทางหนึ่ง ท่าทีระมัดระวังของนักลงทุนในตลาดอินเดียและการพูดคุยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) เรื่องการออกจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายได้ผลักดันหุ้นในอินเดียและญี่ปุ่นไปสู่การร่วงลงเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังที่จะได้เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นจากจีน และการคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯมากขึ้น ก็ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นโลกโดยรวม
ส่วนทางฝั่งของตลาดสกุลเงินดิจิทัลได้แสดงให้เห็นถึงสัญญาณความผันผวนสืบเนื่องมาจาก BTCUSD ขยายการร่วงลงของวันก่อนหน้า ขณะที่ ETHUSD กลับยังคงมีราคาเสนอซื้อเป็นบวกเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนต่างคาดการณ์ว่า Ethereum ในปี 2024 จะปรับตัวสูงขึ้น
มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์เหล่านี้:
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยส่งผลให้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ถึงกระนั้น โอกาสที่จะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed หลายครั้งในปี 2024 อาจจะทำให้เกิดแรงกดดันด้านลบต่อ DXY ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขยอดขายบ้านที่รอดำเนินการของสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายนปรับตัวดีขึ้นเป็น 0.0% และ -5.2% MoM และ YoY ตามลำดับ เมื่อเทียบกับการรายงานก่อนหน้าที่ -1.2% และ -8.5% ตามลำดับดังกล่าว อีกทั้ง ยอดคงคลังสินค้าคงเหลือในคลังค้าส่งของสหรัฐฯลดลง 0.2% ในเดือนดังกล่าว ซึ่งตรงกับการคาดการณ์ของตลาดและลดลงน้อยกว่าเดือนตุลาคมที่ลดลง 0.4% อย่างไรก็ตาม ดุลการค้าสินค้ามีการขาดดุลที่กว้างขึ้นที่ $-90.3B เมื่อเทียบกับการรายงานก่อนหน้านี้ที่ $-89.8B ในขณะที่การขอรับสวัสดิการว่างงานเบื้องต้นรายสัปดาห์ก็เพิ่มขึ้นเป็น 218K จากการรายงานครั้งก่อนที่ 206K และเมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 210K
อีกทางด้านหนึ่ง Robert Holzmann ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ออกมากล่าวว่า “แม้จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ก็ยังไม่มีการการันตีได้ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2024” อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เดียวกันนี้ยังส่งผลต่อช่วงแนวโน้มขาขึ้นของค่าเงินยูโร ท่ามกลางการฟื้นตัวของเงินดอลลาร์สหรัฐฯในวงกว้างจากระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน โดยได้รับแรงหนุนจากสภาวะทรงตัวของตลาดในช่วงปลายปีและข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย
ด้วยเหตุนี้ US Dollar Index (DXY) จึงปรับตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยดีดตัวสูงขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนซึ่งเป็นการพุ่งสูงขึ้นรายวันเป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ โดยปิดที่ 101.10 ในช่วงเวลาดังกล่าว
ในอีกทางหนึ่ง ราคาน้ำมันไม่ตอบสนองต่อปัจจัยพื้นฐานอย่างปริมาณน้ำมันสำรองรายสัปดาห์ของสหรัฐฯที่ลดลง โดยมีการฟื้นตัวที่ระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์เป็นผลมาจากการดีดตัวขึ้นของเงินดอลลาร์สหรัฐฯร่วมกับข่าวเกี่ยวกับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ลดลง นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของหุ้นน้ำมันดิบ EIA อยู่ที่ -6.911M สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 ธันวาคม เมื่อเทียบกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ -2.704M และการรายงานรายสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ 2.909M
แม้ว่าช่วงวันหยุดสิ้นปีมีแนวโน้มที่จะจำกัดโมเมนตัมของตลาด แต่รายงานข้อมูลเงินเฟ้อของสเปนครั้งแรกในเดือนธันวาคมและค่าดัชนี PMI ของชิคาโกจะกระตุ้นนักลงทุนในตลาดก่อนการรายงานตัวเลขค่าดัชนี PMI ของจีนในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ทั้งนี้ แนวโน้มการเติบโตของตลาดอาจช่วยสนับสนุนสินทรัพย์มีความเสี่ยงและอาจจะส่งผลกระทบต่อดอลลาร์สหรัฐฯได้ รวมไปถึงยังสามารถขับเคลื่อนสินค้าโภคภัณฑ์และค่าเงิน AUD,NZD อีกด้วย
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด !