สถานการณ์ความเสี่ยงยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดีเนื่องจากความเชื่อมั่นที่ปรับตัวดีขึ้นเมื่อวันก่อน ท่ามกลางความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางสำคัญๆ อย่างเช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed), ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารแห่งอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดในปี 2024 โดยอีกสิ่งที่หนุนการพร้อมรับความเสี่ยงอาจเป็นความมุ่งมั่นของจีนในการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น รวมไปถึงการที่ไม่มีหัวข้อข่าวเชิงลบจากตะวันออกกลางและยูเครน
นอกเหนือไปจากความเชื่อมั่นที่ปรับตัวดีขึ้นในวงกว้างแล้ว ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ตกต่ำยังทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่แตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือนและหุ้นที่แข็งค่าขึ้น
ทั้งนี้ ความอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯได้ผลักดันให้คู่เงิน EURUSD พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ขณะที่ก็หนุนให้คู่เงิน GBPUSD ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของวันที่ 10 สิงหาคมเช่นกัน ในขณะเดียวกัน คู่เงิน AUDUSD แตะระดับสูงสุดในรอบ 5.5 เดือน ส่วนทางด้านคู่เงิน USDJPY กลับร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบห้าเดือน
ในอีกทางหนึ่ง ราคาทองคำพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบสามสัปดาห์ โดยราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นราคาเสนอซื้อโดยพลิกกลับการถอยกลับของวันก่อนหน้าจากระดับสูงสุดประจำสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังคงรักษาการปรับตัวขึ้นในช่วง Santa rally ไว้ได้ ขณะที่ตลาดหุ้นในฝั่งเอเชียแปซิฟิกนอกประเทศญี่ปุ่นยังคงแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ BTCUSD ยังคงปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ ETHUSD พุ่งสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 เนื่องจากความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นเกี่ยวกับ spot ETF ร่วมกับสัญญาณการ Breakout ทางเทคนิค
มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์เหล่านี้:
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ปรับลดลงกระตุ้นความคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยร่วมกับการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้น ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง
โดยดัชนีภาคการผลิตของธนาคารกลางสหรัฐฯแห่งริชมอนด์ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเจ็ดเดือนที่ -11.0 จากการรายงานก่อนหน้าที่ -5.0 เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของตลาดที่ -4.0
ด้วยเหตุนี้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) จึงร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ขณะที่ติดตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีที่ร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน โดยยังคงได้รับแรงกดดันที่ประมาณ 100.80 นอกจากนั้น ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 1 ปีและ 2 ปียังร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมอีกด้วย
นอกจากนี้ ท่าทีผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) Kazuo Ueda ที่เผยแพร่ผ่านสื่อญี่ปุ่น NHK เมื่อวันพุธมีความขัดแย้ง ขณะที่อ้างถึงโอกาสที่ BoJ จะปรับอัตราดอกเบี้ยออกจากเขตลบ โดยสถานการณ์นี้ร่วมกับตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมเบื้องต้นของญี่ปุ่นในเดือนพฤศจิกายนที่เพิ่มขึ้นเป็น 5.3% YoY จากการรายงานก่อนหน้าที่ 1.1% เช่นเดียวกับการเติบโตของการค้าปลีกที่แข็งแกร่งที่ 5.3% เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 5.0% และการรายงานก่อนหน้าที่ 4.1% ยังส่งผลให้คู่เงิน USDJPY ร่วงลง
ในอีกทางหนึ่ง รายงานความคืบหน้าแผนพัฒนา 5 ปีฉบับที่ 14 ของจีน ยังแสดงให้เห็นความชัดเจนว่ารัฐบาลจีนมีความตั้งใจที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้นและเติบโตอย่างมั่นคง ซึ่งจะส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดมีความพร้อมที่จะรับความเสี่ยงมากขึ้นและยังส่งผลดีเพิ่มเติมต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์และค่าเงิน AUD,NZD
และเป็นที่น่าสังเกตว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลงนั้นยังทำให้นักลงทุนในคู่เงินEURUSD และคู่เงิน GBPUSD มองข้ามปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อยูโรโซนและสหราชอาณาจักร อย่างเช่น ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย และแนวโน้มที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2024
ช่วงเทศกาลวันหยุดและปฏิทินเศรษฐกิจที่เบาบางในยุโรปอาจจำกัดการเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงต้นวันพฤหัสบดีนี้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่จะมีการรายงานซึ่งประกอบด้วยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และตัวเลขดุลการค้าสินค้าประจำเดือน รวมไปถึงข้อมูลยอดขายบ้านที่รอการปิดสัญญาจะยังคงกระตุ้นโมเมนตัมของนักลงทุนในตลาด ถึงกระนั้น ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่จะมีการรายงานอาจเป็นเพียงการช่วยพยุงเงินดอลลาร์สหรัฐฯไว้ชั่วคราวเท่านั้น แม้ตัวเลขจะมีทิศทางเป็นบวกก็ตาม ดังนั้น ดอลลาร์สหรัฐฯจึงพร้อมที่จะปรับลดลงจากการพุ่งสูงขึ้นติดต่อกันสองปีในปี 2023 แต่ข้อกังวลเรื่องการอ่อนตัวลงนี้อาจปกป้องช่วงแนวโน้มขาขึ้นของดอลลาร์สหรัฐฯได้ในต้นปี 2024 หาก Fed มีความลังเลที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด !