การกลับมาเปิดทำการเต็มรูปแบบของตลาด ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีทิศทางที่ดีขึ้น ผนวกกับความกังวลในตลาด ยังช่วยหนุนการฟื้นตัวของดอลลาร์สหรัฐฯในวันอังคาร และส่งผลให้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในช่วงต้นวันพุธ โดยดอลลาร์สหรัฐฯได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจมีท่าทีลังเลที่จะประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าหนึ่งครั้งในปี 2024
ด้วยเหตุนี้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) จึงพุ่งสูงขึ้นครั้งแรกในรอบสามวัน แต่สถานการณ์นี้กลับไม่มีผลต่อคู่เงิน EURUSD ท่ามกลางปัจจัยสำคัญทางเศรษฐกิจที่ผันผวน โดย คู่เงิน GBPUSD ไม่ได้รับแรงหนุนจากสัญญาณเชิงบวกจากยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักร ในขณะที่ คู่เงิน USDJPY พุ่งสูงขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบหลายวันก่อนที่จะปรับลดลงจากระดับ 157.40
นอกจากนี้ คู่เงิน AUDUSD ยังคงพยายามหาทิศทาง หลังจากร่วงลงจากจุดสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ซึ่งเป็นผลมาจากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของออสเตรเลียที่มีตัวเลขออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ประกอบกับตัวเลขภาคการก่อสร้างที่มีการรายงานในหลากหลายทิศทาง ในขณะเดียวกัน คู่เงิน NZDUSD ยังคงถูกกดดัน เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจนิวซีแลนด์ที่อ่อนแอส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางข่าวสารที่มีการรายงานในหลากหลายทิศทางเกี่ยวกับเศรษฐกิจของจีน
ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแรงที่สุดในรอบเกือบ 4 เดือน หลังมีการรายงานข่าวสารที่ชี้ถึงปัญหาอุปทานน้ำมัน และความต้องการพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งปัจจัยเดียวกันนี้ยังช่วยให้ราคาทองคำไม่ได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวของดอลลาร์สหรัฐฯและยังคงปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าระดับราคาจะปรับลดลงเล็กน้อยในภายหลัง
ในอีกทางหนึ่ง BTCUSD และ ETHUSD แม้จะมีการปรับตัวสูงขึ้นในระหว่างวัน แต่ยังมีความผันผวนสูง เนื่องจากเทรดเดอร์ต่างกำลังวิเคราะห์ข่าวสารที่รายงานถึงเงินทุนที่ไหลเข้าสู่สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นจำนวนมาก และมุมมองที่หลากหลายจากสำนักงาน ก.ล.ต ของสหรัฐฯ (US SEC) เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล
มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์เหล่านี้:
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ฟื้นตัวจากช่วงขาลง 2 วัน โดยดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังจากได้รับแรงหนุนจากตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CB) ประจำเดือนพฤษภาคมที่แข็งแกร่ง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ปัจจัยที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการฟื้นตัวของ DXY ยังเป็นตัวเลขของจำนวนที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯที่ปรับตัวดีขึ้น และความเชื่อมั่นที่ผันผวน อีกทั้ง ความคิดเห็นที่มีแนวโน้มสนับสนุนนโยบายการเงินที่เข้มงวดจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังทำให้ดอลลาร์สหรัฐฯฟื้นโมเมนตัมขาขึ้นก่อนการรายงาน Beige Book จาก Fed ในวันนี้ และการรายงานดัชนีราคา PCE พื้นฐานของสหรัฐฯในวันศุกร์ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อที่ Fed ให้ความสำคัญ
ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น การร่วงลงของคู่เงิน EURUSD ยังไม่ชัดเจนนัก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่วนใหญ่ยังคงส่งสัญญาณว่าจะระงับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่เริ่มปรับลดลงเป็นครั้งแรกในเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจของยูโรโซนจะทรุดตัวลงอย่างรุนแรง (hard landing) ที่ผ่อนคลายลง ยังท้าทายช่วงแนวโน้มขาลงยูโรอีกด้วย ในช่วงเวลาเดียวกัน คู่เงิน GBPUSD ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคม โดยเป็นผลมาจากเทรดเดอร์ต่างได้รับแรงหนุนจากตัวเลขยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรที่ปรับตัวสูงขึ้น ก่อนที่ระดับราคาคู่เงิน GBPUSD จะปรับลดลง เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้น อีกทางด้านหนึ่ง รอยเตอร์ส มีการรายงานเมื่อวันอังคารว่า ดัชนียอดค้าปลีกประจำเดือนของสมาคมการค้าและอุตสาหกรรมแห่งบริติช (CBI) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดยอดขายเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ +8 ในเดือนนี้ หลังจากดิ่งลงสู่ -44 ในเดือนเมษายน ด้วยเหตุนี้ ดัชนีชี้วัดยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรจึงพลิกกลับมาแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020 แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อประจำไตรมาสของราคาค้าปลีกกลับชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020
ในอีกทางหนึ่ง คู่เงิน USDJPY พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบสี่สัปดาห์ก่อนที่จะร่วงลงระหว่างวันจนถึงต้นวันพุธ สาเหตุของการปรับลดลงของคู่เงินเยนอาจสืบเนื่องมาจากความคิดเห็นจากสมาชิกคณะกรรมการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) Seiji Adachi ที่กล่าวว่า "หากค่าเงินเยนอ่อนค่าลงมากจนส่งผลต่อเงินเฟ้อ การตอบสนองเชิงนโยบายจะกลายเป็นตัวเลือก"
เมื่อพูดถึงพาดหัวข่าวที่ส่งผลกระทบต่อความเสี่ยงในตลาด กองกำลังอิสราเอลยังคงเดินทัพลึกเข้าไปในราฟาห์ แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากนานาชาติให้หยุดการโจมตีก็ตาม ปัจจัยเดียวกันนี้เมื่อประกอบกับความต้องการพลังงานที่เพิ่มมากขึ้นจากจีน ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมและความหวังที่จะได้เห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนที่ดียิ่งขึ้น ยังส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้แก้ไขตัวเลขการประมาณการทางเศรษฐกิจของการเติบโตของ GDP ของจีนในปี 2024 จาก 4.6% เป็น 5.0% โดยอ้างอิงจากข้อมูลการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของไตรมาสที่ 1 และมาตรการทางนโยบายล่าสุด เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบ ราคาทองคำยังคงพุ่งสูงขึ้นติดต่อกัน 3 วันจากความเชื่อมั่นที่ผันผวน ก่อนที่จะถอยกลับจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอกซ์โพเนนเชียล (EMA) 10 วัน
เป็นที่น่าสังเกตว่าทิศทางที่ดีขึ้นของสินค้าโภคภัณฑ์กลับไม่สามารถรักษาระดับแรงเทซื้อสกุลเงินกลุ่ม Antipodean ได้ ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ยังท้าทายแรงเทซื้อคู่เงิน AUDUSD และคู่เงิน NZDUSD อีกด้วย นอกจากนี้ คู่เงิน USDCAD ยังฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งถือว่าเป็นการพุ่งสูงขึ้นที่สุดเป็นอันดับที่สองในบรรดาคู่สกุลเงิน G10 รองจากคู่เงิน NZDUSD แม้ว่าตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของแคนาดาและราคาน้ำมันดิบจะเป็นตัวเลขที่น่ายินดีสำหรับดอลลาร์แคนาดา (CAD) ก็ตาม อีกทั้ง การอ่อนค่าของ CAD อาจเป็นผลมาจากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางแคนาดา (BoC) ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานออกมาในหลากหลายทิศทาง
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ปรับตัวดีขึ้นล่าสุด และแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินที่แข็งกร้าวของ Fed ยังคงสามารถรักษาระดับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเอาไว้ได้ ขณะที่สร้างแรงกดดันด้านลบต่อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง อย่างเช่น สินค้าโภคภัณฑ์และสกุลเงินกลุ่ม Antipodeans แต่การรายงาน Beige Book ของ Fed และข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีในวันนี้ จะเป็นกุญแจสำคัญในการจับตามองทิศทางระหว่างวันของตลาด อีกสิ่งสำคัญที่ควรจับตามองก็คือพาดหัวข่าวเกี่ยวกับปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์จากประเทศจีนและตะวันออกกลาง นอกจากนี้ แถลงการณ์ต่อสาธารณะจากเจ้าหน้าที่ของ Fed, ดัชนีภาคการผลิตของธนาคารกลางสหรัฐฯประจำริชมอนด์ในเดือนพฤษภาคม และปริมาณสินค้าคงคลังน้ำมันประจำสัปดาห์ตามการรายงานของสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) จะช่วยให้เทรดเดอร์ได้รับข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งนี้ ข้อมูลสำคัญที่สุดที่นักลงทุนในตลาดควรติดตามเพื่อดูทิศทางที่ชัดเจนคือ ดัชนีราคา PCE พื้นฐานของสหรัฐฯในวันศุกร์
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด !