สถานการณ์ความเสี่ยงในตลาดยังไม่ชัดเจนนักในเช้าวันอังคาร หลังจากเริ่มต้นสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์สำคัญอย่างเงียบเหงา สกุลเงินหลักแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรกระทรวงการคลังจะปรับตัวดีขึ้นก็ตาม
ขณะที่ คู่เงิน USDJPY เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากการพูดคุยเรื่องการออกจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) เริ่มเลือนหายไป ในขณะที่ คู่เงิน GBPUSD เป็นคู่สกุลเงินหลักที่พุ่งสูงขึ้นที่สุด เนื่องจากเทรดเดอร์กำลังประเมินความเห็นเกี่ยวกับความล่าช้าในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบากของสหราชอาณาจักรอีกครั้ง
อีกทางด้านหนึ่ง ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในปี 2024 เนื่องจากกระแสที่เทรดเดอร์หันเหไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางภาวะตลาดที่ซบเซาและดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบกลับไม่สามารถรักษาระดับการปรับตัวขึ้นในช่วงต้นวันจันทร์ไว้ได้ และปิดตลาดด้วยราคาที่ลดลง นอกจากนี้ ยังส่งผลให้เกิดการขยายการร่วงลงในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ถึงความต้องการที่ปรับลดลง ขณะที่มองข้ามข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการขยายการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+
ทางฝั่งของสกุลเงินดิจิทัล BTCUSD และ ETHUSD พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายปี เนื่องจากเทรดเดอร์สกุลเงินดิจิทัลคาดการณ์ว่าจะมีเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมากขึ้น ท่ามกลางกระแสนักลงทุนที่เริ่มหันมาลงทุนกับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงมากขึ้น เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นเชิงบวกที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการอนุมัติของ ETF และเป็นที่น่าสังเกตว่าสภาวะทรงตัวก่อนการลดจำนวนลงครึ่งหนึ่ง (halving) ของ Bitcoin ส่งผลให้ BTCUSD พุ่งสูงขึ้น รวมถึงราคา Ethereum ที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2022
มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์เหล่านี้:
ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ชี้ว่าความคาดหวังของนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจหลักที่จะ "ลงจอดอย่างนุ่มนวล (soft landing)" และช่องว่างที่ลดลงระหว่างการคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางชั้นนำกับสัญญาณจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางเหล่านั้นกำลังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นเดิม
ทั้งนี้ ปัจจัยข้างต้นได้ท้าทายแรงเทซื้อสินค้าโภคภัณฑ์และช่วยพยุงดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ ช่วงแนวโน้มขาลงของดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ได้ท้าทายเส้น 200-SMA เช่นกัน นอกจากนั้น เป็นที่น่าสังเกตว่า ความหวังที่จะได้เห็นการยุติความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและฮามาสเร็วขึ้น และไม่มีการสูญเสียชีวิตจำนวนมากในตะวันออกกลางยังท้าทายวิกฤติปัญหาการขาดแคลนพลังงานก่อนหน้านี้ และสร้างแรงกดดันด้านลบต่อราคาน้ำมันดิบ อีกทางด้านหนึ่ง นายกรัฐมนตรี Li ของจีนยังกล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ช้าลงและความท้าทายต่างๆที่จีนกำลังเผชิญ ซึ่งในทางกลับกันได้ท้าทายแนวโน้มอุปสงค์ของน้ำมันและส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบอีกด้วย
แม้ว่าดอลลาร์สหรัฐฯจะมีการดีดตัวสูงขึ้นในวันนี้ แต่คู่เงิน USDJPY กลับไม่สามารถรักษาระดับการฟื้นตัวล่าสุดได้ ในสถานการณ์เดียวกันนี้ คู่เงินเยนจึงเพิกเฉยต่อความกังวลเดิมเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ในปี 2024 ขณะที่ มีการออกมาปฏิเสธข่าวจากปลายสัปดาห์ที่แล้วที่เกี่ยวกับการประกาศยุติภาวะเงินฝืด (deflation) ในโตเกียวอย่างเป็นทางการ โดย รัฐมนตรีของรัฐบาลญี่ปุ่นยืนยันว่ายังไม่มีความคิดที่จะยุติภาวะเงินฝืดและยังคงสนับสนุนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ)
นอกจากนี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯแห่งแอตแลนตา Raphael Bostic ได้ผลักดันแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไป โดยเขาออกมากล่าวว่า "เศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง ไม่มีเหตุผลเร่งด่วนที่จะปรับลดดอกเบี้ย" แม้จะมีท่าทีที่ค่อนข้างแข็งกร้าวแต่ก็ไม่ได้มีข้อมูลอัปเดตใหม่ใดๆ จึงส่งผลให้แรงกดดันต่อดอลลาร์สหรัฐฯยังคงอยู่ ในทางกลับกัน กลับช่วยหนุนให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น
ในช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของออสเตรเลียเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน แต่ดัชนี PMI ภาคบริการของจีนกลับชะลอตัว รวมถึงข้อมูลกิจกรรมทางเศรษฐกิจของอินเดียในเดือนกุมภาพันธ์ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน
ในทางกลับกันจากวันจันทร์ ความผันผวนของตลาดมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในวันอังคาร เนื่องจากมีข้อมูลจำนวนมากมีกำหนดการเผยแพร่ในปฏิทินเศรษฐกิจ ซึ่งในบรรดาข้อมูลทั้งหมด การรายงานข้อมูลค่าดัชนี PMI ประจำเดือนกุมภาพันธ์สำหรับประเทศเศรษฐกิจหลักๆ และตัวเลขข้อมูลค่าดัชนี PMI ในภาคบริการ ISM ของสหรัฐอเมริกาจะมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสังเกตทิศทางของตลาด สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือรายงานคำสั่งซื้อโรงงานของสหรัฐฯ และแถลงการณ์จากเจ้าหน้าที่ของ Fed แม้ว่าข้อมูลที่มีกำหนดการเผยแพร่อาจทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯมีโอกาสที่จะชะลอการร่วงลงเมื่อไม่นานมานี้ แต่แนวโน้มที่จะได้เห็นการฟื้นตัวของดอลลาร์สหรัฐฯนั้นยังมีไม่มากนักก่อนการแถลงการณ์จากประธาน Fed Jerome Powell และรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด !