ความผันผวนในตลาดส่งผลให้แรงเทซื้อทองคำสามารถฟื้นตัวที่ระดับสูงสุดในรอบหลายสัปดาห์ ท่ามกลางแนวโน้มขาขึ้นสามวันในช่วงต้นวันจันทร์ ในบรรดาปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญ ความอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯในวงกว้าง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับลดลง และความกังวลที่หลากหลายเกี่ยวกับจีนจะมีบทบาทสำคัญ
โดยความพร้อมของจีนในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมและการรายงานผลกำไรทางอุตสาหกรรมที่ผันผวน ร่วมกับการเผยแพร่ตัวเลขค่าดัชนี PMI ของสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายนที่ไม่น่าประทับใจนักในวันศุกร์ได้ขับเคลื่อน XAUUSD ตลอดจนช่วยหนุนสกุลเงินที่มีความเสี่ยง และเป็นที่น่าสังเกตว่าราคาน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันจากความกลัวด้านอุปสงค์ เช่นเดียวกับข้อกังวลของ OPEC
อีกทางด้านหนึ่ง คู่เงิน USDJPY พุ่งสูงขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในบรรดาคู่สกุลเงิน G10 ในขณะที่ ค่าเงิน AUD,NZD ยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯก่อนสัปดาห์สำคัญ นอกจากนี้ คู่เงิน GBPUSD ยังต้องพยายามรักษาระดับที่พุ่งสูงขึ้น แม้ว่า Bailey จาก BoE จะส่งสัญญาณถึงปัญหาเงินเฟ้อก็ตาม
BTCUSD และ ETHUSD ขยายการดึงกลับของวันก่อนหน้า ขณะที่สัญญาณของอุตสาหกรรมพยายามรักษาความเชื่อมั่นที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติ Spot ETF
มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์เหล่านี้:
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) หนุนระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือนในสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลดลง เช่นเดียวกันกับหุ้นในฝั่งเอเชียแปซิฟิกที่ถดถอยลง ขณะที่ S&P 500 Futures ร่วงลงเล็กน้อย ดังนั้น DXY จะต้องแบกรับภาระจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ตกต่ำลงเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งบ่งบอกถึงความกังวลเกี่ยวกับนโยบายสำคัญของ Fed
ก่อนหน้านี้ การรายงานค่าดัชนี S&P Global PMIs ของสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายนไม่สามารถสนับสนุนช่วงแนวโน้มขาขึ้นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากตัวเลขค่าดัชนี PMI ภาคการผลิตลดลงเหลือ 49.4 เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ 49.9 และ 50.0 ของการรายงานก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ค่าดัชนี PMI ภาคการบริการปรับตัวดีขึ้นเป็น 50.8 จากการรายงานก่อนหน้านี้ที่แก้ไขปรับลดลงที่ 50.6 และการคาดการณ์ของตลาดที่ 50.4 และเป็นที่น่าสังเกตว่าข้อมูลกิจกรรมเศรษฐกิจจากยุโรปและสหราชอาณาจักรมีทิศทางที่ดีขึ้นในเดือนดังกล่าว และสร้างแรงกดดันด้านลบเพิ่มเติมต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
เมื่อพูดถึงจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในลูกค้าทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก ธนาคารประชาชนจีน (PBoC) ได้ออกประกาศเพื่อเสริมสร้างการสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทเอกชนและปกป้องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขของจีนก็ได้ขจัดความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสร้ายแรงอีกครั้งในประเทศ หลังจากพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่และเชื้อโรคอื่นๆเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ ผลกำไรอุตสาหกรรมของจีนในเดือนตุลาคมคลับเคลื่อนความเชื่อมั่นด้านสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ผลกำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนปรับตัวดีขึ้นในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม จาก -9.0% เป็น -7.8% แต่ลดลงในเดือนตุลาคมเพียงเดือนเดียวด้วยตัวเลข 2.7% YoY เทียบกับการรายงานครั้งก่อนที่ 11.9%
ในอีกทางหนึ่ง ความสงสัยที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์สันติภาพในฉนวนกาซา แม้จะมีการหยุดยิงชั่วคราวระหว่างอิสราเอลและฮามาสแต่สถานการณ์นี้ก็ยังท้าทายแรงเทซื้อราคาทองคำเช่นกัน ตามการรายงานของรอยเตอร์ “ฮามาสปล่อยตัวประกัน 17 คนที่ถูกคุมขังในฉนวนกาซา รวมถึงเด็กหญิงชาวอเมริกันวัย 4 ขวบคนหนึ่ง ในขณะที่อิสราเอลปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ 39 คนเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่สามของการหยุดยิง” ข่าวดังกล่าวยังเผยให้เห็นถึงความพร้อมของ Benjamin Netanyahu นายกรัฐมนตรีอิสราเอลในการกำจัดกลุ่มฮามาส ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นอีกด้วย
เมื่อเร็วๆนี้ ความกดดันต่อธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในการเปลี่ยนหน่วยงานกำกับดูแลได้เพิ่มสูงขึ้น และเช่นเดียวกันก็ได้ผลักดันให้ Bailey ผู้ว่าการ BoE ต้องรื้อฟื้นปัญหาอัตราเงินเฟ้อในช่วงต้นวันจันทร์ อีกทางหนึ่ง Ueda ผู้ว่าการ BoJ ยังคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายแต่ราคาบริการของญี่ปุ่นที่แข็งแกร่งจะขับเคลื่อนค่าเงิน JPY ต่อไป
แม้ว่าความรู้สึกที่ผันผวนจะทดสอบโมเมนตัมของนักลงทุนในช่วงต้นวันจันทร์ แต่ปฏิทินเศรษฐกิจที่บางเบาอาจจำกัดการเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงที่เหลือของวัน ทั้งนี้ ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐฯ และแถลงการณ์จากนายธนาคารกลางหลายๆแห่งจะกระตุ้นนักลงทุนในตลาด อย่างไรก็ตาม ความสนใจหลักจะยังมุ่งเน้นไปที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภค CB ของสหรัฐฯในวันอังคาร,การรายงานครั้งที่สอง GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐฯของวันพุธ,Core PCE Price ของสหรัฐฯในวันพฤหัสบดี หรือที่รู้จักในชื่อมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อของ Fed และแถลงการณ์ของ Jerome Powell ประธาน FOMC ซึ่งจะขึ้นในวันศุกร์
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด !