รัฐบาลสหรัฐอเมริกามีความจำเป็นในการเพิ่มปริมาณเงินในระบบเพื่อลดหนี้สินที่เป็นจำนวนมากถึง 33 ล้านล้านดอลลาร์ สถานการณ์นี้อาจส่งผลให้ Bitcoin อาจมีบทบาทสำคัญในวิกฤตินี้โดยไม่คาดคิดได้
ด้วยวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ผ่านมาของ FED ผู้ร่วมตลาดทุกคนล้วนมีความกังวลเกี่ยวกับหนี้สาธารณะสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งเป็นจำนวนกว่า 33 ล้านล้านดอลลาร์โดยมีอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงสุดในรอบ 22 ปี เป็นผลให้ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ต่างสงสัยว่าการชำระหนี้ทั้งหมดจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนเท่าใด ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs คาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยอาจจะสร้างสถิติใหม่ภายในสิ้นปี 2025 อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ธนาคารเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้นในปี 2024 และ 2030 ไปที่ 3% และ 4% ของ GDP ตามลำดับ เมื่อเทียบกับ 2% ในปีที่แล้ว กล่าวง่ายๆ ก็คือเรากำลังจะได้เห็นการพุ่งสูงขึ้นของดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากมุมมองของการระดมทุน ดูเหมือนว่ารัฐบาลสหรัฐฯพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างท้าทาย
ด้วยเหตุนี้ จึงส่งผลให้ผู้เล่นสำคัญในตลาดส่วนใหญ่ตัดสินใจที่จะทำการขายหรือเปิดตำแหน่ง "short" สำหรับการถือครองหลักทรัพย์ของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยที่แรงเทขายจากจีนมาเป็นอันดับต้นๆ หากยังไม่มีการดำเนินการใดๆในสถานการณ์ปัจจุบัน สหรัฐอเมริกาอาจจะต้องเผชิญกับกระบวนการระดมทุนที่ยากลำบากยิ่งขึ้น อีกสิ่งที่เราเห็นได้ตอนนี้คือ การที่จีนพยายามลดการถือครองหลักทรัพย์ของรัฐบาลสหรัฐฯ แม้ว่าดอลลาร์จะยังคงมีอิทธิพลเหนือกว่าก็ตาม อย่างไรก็ตาม ก็มีนักลงทุนจำนวนน้อยลงที่กระตือรือร้นในการซื้อตั๋วหนี้รัฐบาลสหรัฐฯเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งปัญหาหลักๆ คือ FED จะยังคงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกปิดอัตราเงินเฟ้อที่แท้จริง
ในขณะเดียวกัน ตราสารหนี้และสินทรัพย์อื่นๆก็จะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น นักลงทุนจึงเริ่มมองหาอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นสืบเนื่องมาจากความแตกต่างระหว่างสิ่งที่พวกเขาคาดการณ์ไว้กับอัตราเงินเฟ้อที่แท้จริง
BTC อาจกลายเป็นตัวปรับสมดุลในตลาด เป็นผลให้คริปโตดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่จับต้องได้แทนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่าดอลลาร์จะถือว่าเป็นสกุลเงินที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดก็ตาม ดังนั้น BTC จึงมีโอกาสที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงเกมได้
ด้วยมูลค่าตลาดที่ 500 พันล้านดอลลาร์ BTC จะมีแนวโน้มที่ดีจากมุมมองที่กำลังเติบโต โดยผู้เชี่ยวชาญได้คาดการณ์ว่าจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ และภายในหนึ่งทศวรรษนี้ สกุลเงินดิจิทัลอาจกลายเป็นสินทรัพย์ออมทรัพย์ที่เหมือนกับสินทรัพย์ทั่วๆไป และต่อมาภายใน 2-3 ทศวรรษ เราอาจเห็นการนำ Bitcoin ไปใช้ทั่วโลก ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนวิธีดำเนินการกองทุนของผู้คนครั้งใหญ่
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด !