ตลาดโลกซบเซาในช่วงต้นวันพฤหัสบดี ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯเพิกเฉยต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวลง รวมไปถึงรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯที่ตกต่ำก่อนการรายงานสถิติเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้น ในสถานการณ์นี้ ดอลลาร์สหรัฐฯจึงเตรียมพร้อมสำหรับการประชุม FOMC ในสัปดาห์หน้า โดยสาเหตุหลักมาจากความคิดเห็นที่เอนไปทางนโยบายการเงินที่เข้มงวดจากรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ Janet Yellen และเบาะแสที่แน่ชัดเมื่อเร็วๆนี้เกี่ยวกับการชะลอการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างนุ่มนวลของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯไม่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่มีทิศทางเป็นบวก และการเรียกร้องให้มีการปรับเปลี่ยนนโยบายของ Fed
ทางฝั่งของคู่เงิน EURUSD และคู่เงิน GBPUSD ยังขาดทิศทางที่ชัดเจนท่ามกลางความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนและสหราชอาณาจักรที่ถดถอย ขณะที่ คู่เงิน USDCAD กำลังพยายามรักษาระดับราคาน้ำมันที่แข็งค่าขึ้นโดยสืบเนื่องมาจากการที่ธนาคารกลางแคนาดา (BOC) ชะลอการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ส่วนทางด้าน คู่เงิน USDJPY ยังติดตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรกระทรวงการคลังที่ตกต่ำลง ในขณะเดียวกันที่ผู้กำหนดนโยบายยังคงการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ)
ในอีกทางหนึ่ง BTCUSD และ ETHUSD ฟื้นโมเมนตัมขาขึ้นหลังจากกลับตัวจากระดับสูงสุดในรอบปี เนื่องจากตลาดมีการคาดการณ์ว่าจะมีความยากลำบากเพิ่มเติมสำหรับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงการที่มีเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดคริปโตมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางการอนุมัติของ ETF ที่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว
มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์เหล่านี้:
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ยังคงอยู่ในแนวรับที่ระดับสูงสุดในรอบสามสัปดาห์ หลังจากพุ่งสูงขึ้นในช่วงสามวันที่ผ่านมาติดต่อกัน ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจมีความผันผวนซึ่งส่วนใหญ่ตัวเลขข้อมูลมีการปรับลดลง เนื่องจากขาดความชัดเจนเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของ Fed และการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
เมื่อพูดถึงข้อมูลดังกล่าว ทาง US Automatic Data Processing INC. (ADP) ได้เผยแพร่ข้อมูล ADP Employment Change ประจำเดือนพฤศจิกายน ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณเริ่มต้นสำหรับการเผยแพร่ Nonfarm Payrolls (NFP) ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ ข้อมูลบัญชีเงินเดือนภาคเอกชนนั้นได้ชี้ให้เห็นว่าการเพิ่มจำนวนพนักงานในเดือนดังกล่าวช้าลง 103,000 เมื่อเทียบกับ 130,000 ที่คาดการณ์ไว้และ 106,000 ของการรายงานก่อนหน้า ส่วนทางด้าน ข้อมูลการจ้างงานเพิ่มเติมจากข้อมูลของสหรัฐอเมริกายังแสดงให้เห็นว่าผลผลิตนอกภาคการเกษตรสำหรับไตรมาสที่สาม (Q3) เพิ่มขึ้นเป็น 5.2% จากการคาดการณ์เบื้องต้นที่ 4.7% เมื่อเทียบกับที่คาดไว้ 4.9% ในขณะที่ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยสำหรับช่วงเวลาดังกล่าวลดลงที่-1.2% เมื่อเทียบกับการคาดการของตลาดที่ -0.9% และการประเมินการณ์ครั้งแรกที่ -0.8%
นอกจากนี้ สิ่งที่หนุนดอลลาร์สหรัฐฯอาจเป็นรายงานข้อมูลดุลการค้าของสหรัฐฯซึ่งแสดงให้เห็นว่าการขาดดุลการค้าของประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 64.3 พันล้านดอลลาร์ในเดือนตุลาคม เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 64.2 ดอลลาร์และ 61.5 ดอลลาร์จากการรายงานก่อนหน้า ยิ่งไปกว่านั้น การสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ 102 คนจากรอยเตอร์ยังแสดงให้เห็นว่าเสียงข้างมากคิดเห็นว่า Fed จะรอจนถึงอย่างน้อยก็เดือนกรกฎาคมถึงจะดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป ซึ่งในทางกลับกันก็จะกระตุ้นแรงเทขายของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะเดียวกัน เครื่องมือติดตาม GDPNow ของ Atlanta Fed ก็แสดงให้เห็นว่าการเติบโตของสหรัฐฯในไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 1.3% จาก 1.2% เมื่อสัปดาห์ก่อน
โดย Janet Yellen รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯได้ผลักดันการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed กลับไป ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้นักลงทุนตีความข้อมูลเศรษฐกิจอย่างระมัดระวัง Yellen ยังกล่าวเสริมว่า “Fed ต้องการสร้างเงื่อนไขทางการเงินที่สอดคล้องกับการปรับลดอัตราเงินเฟ้อ” อีกทางด้านหนึ่ง จีนได้ออกมาเตือนสหราชอาณาจักรในการประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อบุคคลและกลุ่มบุคคล “ที่สนับสนุนและให้ทุนสนับสนุนสงครามแก่ปูติน” โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าว “จะต้องพบกับการตอบโต้อย่างเข้มงวด” นอกจากนี้ กลุ่ม G7 ยังย้ำคำมั่นที่จะสนับสนุนยูเครนต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นความกลัวทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่ในทางกลับกันกลับหนุนความสนใจของตลาดไปสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
ในอีกทางหนึ่ง สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้น และการที่ซาอุดีอาระเบียยังคงนโยบายลดกำลังการผลิตของ OPEC+ รวมไปถึงความกังวลเรื่องนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของ Fed และความหวังของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากจีนนั้นส่งผลให้ช่วงแนวโน้มขาลงของราคาน้ำมันดิบชะลอตัวที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน
เช่นเดียวกันกับ Peter Kazimir ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ได้ผลักดันความคาดหวังล่าสุดในการเสนอแนะการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางในช่วงต้นปี 2024 กลับไป ขณะที่กล่าวว่า "การเดิมพันในตลาดสำหรับการลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาสที่ 1 นั้นเป็น 'science fiction' ”
นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ยังเปิดเผยรายงานเสถียรภาพทางการเงิน (FSR) ทุกๆสองปีไปเมื่อวันก่อน โดยกล่าวว่าผลกระทบทั้งหมดจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นนั้นยังต้องใช้เวลาอีกนาน สิ่งเดียวกันนี้บ่งชี้ถึงความเจ็บปวดที่มากขึ้นสำหรับเศรษฐกิจอังกฤษซึ่งกำลังเผชิญกับข้อมูลเศรษฐกิจที่ตกต่ำอยู่แล้ว นอกจากนี้ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ผู้ว่าการ BoE Andrew Bailey ยังได้ออกมากล่าวว่าแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อยังไม่มีความแน่นอนและอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะต้องคงอยู่ในระดับปัจจุบันต่อไป ในขณะเดียวกันก็กล่าวเสริมว่า "เรายังคงระมัดระวังต่อความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น"
ทั้งนี้ ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีและตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 3 ของยูโรโซนจะกระตุ้นโมเมนตัมของนักลงทุนในตลาดระหว่างวัน ก่อนการรายงานการเรียกร้องค่าชดเชยว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ และรายงานดัชนีแนวโน้มการเลิกจ้างงาน (Challenger Job Cuts) ในเดือนพฤศจิกายน แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจของยุโรปมีแนวโน้มที่จะกดดันค่าเงินยูโร แต่เงินดอลลาร์สหรัฐฯก็อาจจะร่วงลงหากรายงานการจ้างงานตามกำหนดมีการปรับลดลง
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด !