เริ่มต้นสัปดาห์ที่มีการประกาศสำคัญจากธนาคารกลางด้วยความเชื่อมั่นเชิงบวก โดยได้รับแรงหนุนจาก 'แผนปฏิบัติการพิเศษ' (special action plan) ของจีน ความคืบหน้าในการเจรจาหยุดยิงระหว่างยูเครน-รัสเซีย ประกอบกับท่าทีเชิงบวกที่นำโดยเยอรมนี และการคาดการณ์การผ่อนคลายการดำเนินนโยบายที่เข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่อนแอ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ผสมผสานกัน ความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯที่เกิดขึ้นใหม่ รวมไปถึงความระมัดระวังก่อนการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกสหรัฐฯในวันนี้ และการตัดสินใจของธนาคารกลางสำคัญหลายแห่งในสัปดาห์นี้ กำลังจำกัดบรรยากาศการซื้อขายเชิงบวกในช่วงเช้าวันจันทร์เช่นกัน
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ร่วงลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง เนื่องจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่ยังไม่ชัดเจน ความเชื่อมั่นทางธุรกิจและผู้บริโภคที่อ่อนแอ รวมถึงความกังวลด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความคิดเห็นของรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เบสเซนท์ ที่ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯช่วยให้สกุลเงินหลักอื่นๆ สกุลเงินกลุ่ม Antipodeans และสินค้าโภคภัณฑ์สามารถพุ่งสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์ได้ แม้ว่าการปรับตัวขึ้นจะเริ่มชะลอลงในเวลาต่อมาก็ตาม ทองคำกลายเป็นจุดสนใจหลัก โดยทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใกล้ระดับ $3,000 นอกจากนี้ คู่เงิน EURUSD และคู่เงิน GBPUSD ยังแตะที่ระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน ขณะที่ คู่เงิน USDJPY เคลื่อนไหวสวนทางตลาดโดยฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในรอบ 5 เดือน อย่างไรก็ตาม สกุลเงินกลุ่ม Antipodeans ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบชะลอการฟื้นตัวที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนสกุลเงินดิจิทัลยังคงเผชิญแรงกดดัน ในอีกทางหนึ่ง แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯจะปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สี่ แต่ก็สามารถปิดตลาดในแดนบวกได้
ความเชื่อมั่นเชิงบวกเกี่ยวกับข้อตกลงหนี้ของเยอรมนี และสถานะการเก็งกำไรสุทธิในสกุลเงินยูโร (EUR) ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มขาขึ้นอย่างน่าประหลาดใจตามข้อมูลจาก CFTC ช่วยหนุนให้คู่เงิน EURUSD ยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2024 อย่างไรก็ตาม แรงขับเคลื่อนขาขึ้นเริ่มชะลอตัวลง เนื่องจากนักลงทุนกำลังรอการเปิดเผยยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ และท่าทีของผู้กำหนดนโยบายจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งเน้นถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ถึงกระนั้น การคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ยังคงเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นของคู่เงิน EURUSD ต่อไป
คู่เงิน GBPUSD ยังคงเผชิญแรงกดดันใกล้ระดับสูงสุดในรอบสี่เดือน หลังจากปรับตัวลดลงติดต่อกันสองวัน โดยข้อมูลภาคอุตสาหกรรมและการผลิตของสหราชอาณาจักรที่อ่อนแอในวันศุกร์ รวมถึงตัวเลข GDP ที่ลดลง ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด นอกจากนี้ แนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อค่าเงินปอนด์ แม้ว่าโดยภาพรวมจะมีการปรับตัวขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ตาม
ขณะเดียวกัน คู่เงิน USDJPY ยังคงทรงตัวแข็งแกร่งหลังฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าอาจมีการแทรกแซงจากทางการญี่ปุ่น ผนวกกับบรรยากาศการซื้อขายเชิงบวกอย่างระมัดระวังในตลาด และความกังวลเกี่ยวกับการที่สหรัฐฯอาจเก็บภาษีนำเข้าจากญี่ปุ่น
สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และดอลลาร์แคนาดามีการเคลื่อนไหวที่หลากหลาย โดยพยายามรักษาระดับการปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้วเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม คู่เงิน USDCAD เผชิญแรงกดดันมากที่สุด เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและแคนาดา ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง
สำหรับคู่เงิน AUDUSD แรงเทซื้อยังคงไม่แน่นอน หลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของออสเตรเลียออกมาเตือนถึงความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและการจ้างงานที่อาจได้รับผลกระทบจากพายุไซโคลนที่เกิดขึ้นในรัฐควีนส์แลนด์และนิวเซาท์เวลส์ ขณะเดียวกัน คู่เงิน NZDUSD ขยับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจจะถูกปรับลดลงตามรายงานจากการสำรวจของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจแห่งนิวซีแลนด์ (NZIER) และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (PMI) ของนิวซีแลนด์ในเดือนกุมภาพันธ์จะหดตัวลง โดยลดลงสู่ระดับ 49.1 จาก 50.4 ในเดือนก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯและความเชื่อมั่นเชิงบวกที่เกี่ยวข้องกับจีนยังคงสนับสนุนสกุลเงินกลุ่ม Antipodeans และสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาทองคำทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยกราฟแท่งเทียนรูปแบบ 'Gravestone Doji' ที่ปรากฏในวันศุกร์บริเวณแนวต้านของเส้นแนวโน้มหลัก ส่งสัญญาณเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังก่อนเข้าสู่สัปดาห์ที่มีการรายงานปัจจัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงความไม่แน่นอนด้านการค้าและการเมืองทั่วโลก ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ฝั่งแรงเทซื้อทองคำ (XAU/USD) มีแนวโน้มเชิงบวกต่อไป
ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบแม้จะสามารถยุติการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 7 สัปดาห์ได้ แต่ยังคงเผชิญแรงกดดัน โดยคำเตือนของโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อกลุ่มฮูตีและอิหร่านหลังเหตุโจมตีเรือของสหรัฐฯ ขัดแย้งกับความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาดในปี 2025 ซึ่งจำกัดแรงฟื้นตัวของราคาน้ำมัน
ด้านตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสงครามการค้าของทรัมป์บดบังท่าทีเชิงบวกของเขาต่อสกุลเงินดิจิทัล ส่งผลให้ทั้ง Bitcoin (BTCUSD) และ Ethereum (ETHUSD) เผชิญแรงกดดัน แม้จะมีการดีดตัวขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากนี้ การที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้ชะลอการตัดสินใจอนุมัติกองทุน ETF ที่อ้างอิงสกุลเงินดิจิทัลประเภท Altcoin แบบสปอตหลายรายการ (spot altcoin) ประกอบกับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันการเงินที่เริ่มลดลง และการไหลออกของเงินทุนจาก ETF ที่ยังคงดำเนินต่อไป ต่างเป็นปัจจัยที่เพิ่มความท้าทายให้กับฝั่งแรงเทซื้อในตลาดคริปโตอีกด้วย
สัปดาห์นี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากธนาคารกลางรายใหญ่หลายแห่ง รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed), ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ), ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) เตรียมประกาศการตัดสินใจด้านนโยบายการเงิน ซึ่งคาดว่าจะสร้างความผันผวนในตลาด นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอย่างยอดค้าปลีกของสหรัฐฯในวันจันทร์ และข้อมูลการจ้างงานของสหราชอาณาจักรในวันพฤหัสบดี อีกทั้งประเด็นทางภูมิรัฐศาสตร์เกี่ยวกับยูเครน, อิหร่าน และนโยบายภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ก็อาจยิ่งเพิ่มแรงกระเพื่อมในตลาด
แม้ว่า Fed มีแนวโน้มจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม แต่ดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา อาจเปิดทางให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง ขณะเดียวกัน คู่เงิน EURUSD อาจเผชิญแรงกดดันหากเยอรมนีไม่สามารถแสดงสัญญาณเศรษฐกิจที่เป็นไปตามความคาดหวังของตลาด และหากเจ้าหน้าที่จากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงแสดงท่าทีระมัดระวังต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
สำหรับสกุลเงินหลักอื่นๆ และกลุ่มสกุลเงินกลุ่ม Antipodeans อาจยังมีการเคลื่อนไหว แต่การปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญดูเหมือนจะเกิดขึ้นได้ยาก เว้นเสียแต่ว่าประธาน Fed เจอโรม พาวเวลล์ จะมีการส่งสัญญาณที่สร้างความประหลาดใจต่อตลาด ซึ่งในขณะนี้ยังถือว่ามีโอกาสเกิดขึ้นต่ำ
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด!