ออกจากระบบ
คุณจะแน่ใจหรือไม่ที่จะออกจากระบบ
MTrading Team • 2025-01-31

ราคาทองคำพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความกังวลเรื่องมาตรการภาษี และการรายงานเงินเฟ้อจาก Fed

ราคาทองคำพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความกังวลเรื่องมาตรการภาษี และการรายงานเงินเฟ้อจาก Fed

ความเสี่ยงลดลงท่ามกลางความวุ่นวายจากปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ และข่าวมาตรการภาษี รวมถึงความกังวลก่อนการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่อัตรา 100% กับกลุ่มประเทศ BRICS หากพวกเขาสร้างหรือสนับสนุนสกุลเงินใหม่เพื่อทดแทนดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมกับส่งคำเตือนด้านการค้าไปยังจีน แคนาดา และเม็กซิโก ซึ่งล้วนส่งแรงกระเพื่อมไปยังตลาดการเงินด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การที่ยังไม่มีการประกาศมาตรการภาษีอย่างเป็นทางการ ประกอบกับการเติบโตของตัวเลข GDP สหรัฐฯที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ และสัญญาณเงินเฟ้อที่ยังไม่ชัดเจน ส่งผลให้นักลงทุนยังคงมีท่าทีระมัดระวังแม้จะมีบรรยากาศการซื้อขายในเชิงบวก ขณะที่รอการประกาศดัชนี Core PCE ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อที่ Fed ให้ความสำคัญในวันนี้

ขณะเดียวกัน ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นจากกรณีเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียได้รุกล้ำน่านฟ้าเขตแสดงตนป้องภัยทางอากาศของญี่ปุ่น จนทำให้ญี่ปุ่นต้องส่งเครื่องบินรบขึ้นสกัด ยังคงสร้างความกังวลในตลาด แม้จะมีประเด็นทางภูมิรัฐศาสตร์และความกังวลด้านภาษีดังกล่าว ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์กำลังเผชิญบททดสอบสำคัญก่อนการประกาศข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของ Fed

EURUSD อยู่ภายใต้แรงกดดันขาลง ขณะที่ GBPUSD เคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดย USDJPY ปรับตัวขึ้น

การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) พร้อมสัญญาณจากประธานคริสติน ลาการ์ดที่แสดงถึงความเป็นไปได้ในการดำเนินมาตรการในลักษณะนี้เพิ่มเติม ยังคงกดดันคู่เงิน EURUSD ต่อเนื่องเป็นวันที่ห้า แม้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯจะมีสัญญาณผสมผสานก็ตาม การเคลื่อนไหวนี้ยังสะท้อนถึงตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากยูโรโซนและเยอรมนี ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจหลัก

ในสหราชอาณาจักร ความเชื่อมั่นที่ลดลงจากการรายงาน Business Barometer จากธนาคารลอยด์ (Lloyds Bank) ได้ท้าทายการฟื้นตัวของคู่เงิน GBPUSD และผลักดันให้เกิดการร่วงลงในรอบสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจของอังกฤษ และท่าทีการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)

ในขณะเดียวกัน คู่เงิน USDJPY ยังคงเผชิญกับแนวโน้มขาลงต่อเนื่องสามสัปดาห์ แม้จะฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยในวันนี้จากจุดต่ำสุดในรอบ 1.5 เดือน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่มีการรายงานในหลากหลายทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลยอดค้าปลีก รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรม และอัตราการว่างงาน ล้วนแล้วแต่กำลังทดสอบแรงเทซื้อเงินเยน (JPY) นอกจากนี้ ความคิดเห็นของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น อิชิบะ ที่แนะนำให้มีการลงทุนจากสหรัฐฯเพิ่มขึ้น ยังเป็นปัจจัยที่กระตุ้นการเคลื่อนไหวของคู่เงิน USDJPY อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น การคาดการณ์ที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) รวมถึงสถานะของ JPY ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย กำลังส่งผลกระทบต่อคู่สกุลเงินนี้เพิ่มเติม

AUDUSD และ NZDUSD ยุติการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสองสัปดาห์ ส่วนทางด้าน USDCAD มีการซื้อขายใกล้ระดับสูงสุดในรอบหลายปี

แม้บรรดานักเทรดชาวจีนจะหยุดฉลองเทศกาลตรุษจีน แต่สกุลเงินที่เชื่อมโยงกับสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงปรับตัวลดลง เนื่องจากความกังวลเรื่องมาตรการภาษีจากสหรัฐฯที่กำลังจะเกิดขึ้น ประกอบกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจของลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของพวกเขา นอกเหนือจากปัจจัยเชิงลบโดยรวมแล้ว ตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของออสเตรเลียที่ปรับตัวลง แนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) และธนาคารกลางแคนาดา (BoC) รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง ยังคงกดดันค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) และดอลลาร์แคนาดา (CAD)

ราคาทองคำเมินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น ขณะที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ท่ามกลางความไม่แน่นอนในตลาด

คำขู่เรียกเก็บภาษีของทรัมป์ ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ผสมผสานในหลายทิศทาง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากจีนและอินเดีย ล้วนผลักดันราคาทองคำให้พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดที่ราวๆ $2,800 ในช่วงเช้าวันศุกร์ นอกจากนี้ ราคาทองคำยังสามารถทะลุแนวต้านที่ประมาณ $2,785-90 โดยเคลื่อนไหวภายในกรอบขาขึ้นต่อเนื่องห้าสัปดาห์อยู่ในช่วงระหว่าง $2,825 ถึง $2,759 ซึ่งช่วยหนุนแนวโน้มขาขึ้นของตลาดอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และความระมัดระวังในตลาดก่อนการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ยังช่วยกระตุ้นให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่นักลงทุนรอการรายงานที่กำลังจะมาถึง

เงื่อนไขการเทรดที่ดีที่สุด
รับโบนัสเงินฝากสูงสุดถึง 200% รับโบนัสเงินฝากสูงสุดถึง 200%
Spread 
เริ่มต้นที่ 0 pip Spread 
เริ่มต้นที่ 0 pip
แพลตฟอร์ม Copy
Trade ระดับโลก แพลตฟอร์ม Copy 
Trade ระดับโลก
เข้าร่วมเลย

ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว ขณะที่สกุลเงินดิจิทัลยังคงขาดแรงผลักดัน

ราคาน้ำมันดิบยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบใกล้จุดต่ำสุดในรอบเดือน โดยสามารถชะลอการปรับลดลงในรอบสัปดาห์ได้บ้างจากการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในแต่ละวัน สินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าวยังคงได้รับผลกระทบจากบรรยากาศการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในตลาด การผลักดันของประธานาธิบดีทรัมป์ในการเพิ่มปริมาณการผลิตพลังงาน และความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ความต้องการจากจีนจะชะลอตัวลง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวยังคงกดดันราคาน้ำมัน แม้จะมีการฟื้นตัวเล็กน้อยในช่วงการซื้อขายที่ผ่านมา

ในอีกทางหนึ่ง การปฏิเสธการเพิ่ม Bitcoin เข้าไปในทุนสำรองของประเทศในสหภาพยุโรป (EU) ของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) คริสติน ลาการ์ด ได้ทดสอบแรงเทซื้อ Bitcoin (BTCUSD) และ Ethereum (ETHUSD) ในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีความเชื่อมั่นที่ได้รับแรงหนุนจากการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมภายใต้การนำของทรัมป์ และความสนใจที่เพิ่มขึ้นใน ETF ของ Bitcoin และ Ethereum ยังช่วยให้สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเหล่านี้ยังคงสามารถรักษาความแข็งแกร่งในสัปดาห์นี้ได้

มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์เหล่านี้:

  • น้ำมันดิบ WTI ยังคงพยายามรักษาระดับการดีดตัวจากระดับต่ำสุดในรอบเดือนเมื่อวันก่อน โดยมีราคาเสนอซื้อเป็นบวกเล็กน้อยที่ประมาณ $73.30 ณ เวลาที่รายงานข่าว
  • ทองคำ (Gold) แกว่งตัวใกล้ระดับ $2,795 หลังจากทำสถิติสูงสุดที่ประมาณ $2,800
  • ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD INDEX) ยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 108.15 ขณะที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบสามสัปดาห์
  • ตลาดหลักทรัพย์ Wall Street ปิดบวกเล็กน้อย ขณะที่ตลาดหุ้นในโซนเอเชียแปซิฟิกปรับตัวสูงขึ้น โดยตลาดหุ้นในยุโรปและสหราชอาณาจักรมีราคาเสนอซื้อเป็นบวกเล็กน้อยในช่วงชั่วโมงแรกของการซื้อขาย
  • BTCUSD ร่วงลงเล็กน้อยไปที่ประมาณ $105,000 โดยชะลอการปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์ ขณะที่ ETHUSD พุ่งสูงขึ้นติดต่อกันสามวันที่ประมาณ $3,270

ทุกสายตาจับจ้องไปที่การรายงานอัตราเงินเฟ้อของ Fed...

ท่ามกลางสัญญาณที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ และการที่ Fed ยังไม่สามารถโน้มน้าวกลุ่มผู้สนับสนุนนโยบายการเงินที่เข้มงวดได้ นักลงทุนในตลาดจึงจับตามองการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (Core PCE) ประจำเดือนธันวาคมของสหรัฐฯ เพื่อหาทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่าตัวเลขรายเดือนจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.2% ขณะที่ตัวเลขรายปีคาดว่าจะคงอยู่ที่ 2.8% หากตัวเลขที่มีการรายงานออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็อาจเป็นการท้าทายจุดยืนการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของ Fed ได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่เป็นประโยชน์ต่อแรงเทซื้อทองคำ ทั้งนี้ สัญญาณในเบื้องต้นยังมีแนวโน้มลดลง ดังนั้นหากเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้น +0.2% หรือการลดลง -0.1% ก็อาจกระตุ้นให้เกิดความผันผวนรุนแรงในตลาดก่อนที่ตลาดจะปรับตัวไปในทิศทางที่ชัดเจน และอาจเห็นการดึงกลับของดอลลาร์สหรัฐฯ และการปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำ

นอกเหนือไปจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯแล้ว การรายงานยอดค้าปลีกและตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนี รวมถึงตัวเลข GDP รายเดือนของแคนาดา จะเป็นที่จับตามองของนักเทรดที่อาศัยการเคลื่อนไหวของตลาดในการเทรด อย่างไรก็ตาม สถิติเหล่านี้ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงแนวโน้มขาลงของค่าเงินยูโร (EUR) และค่าเงินดอลลาร์แคนาดา (CAD) ได้ เนื่องจากท่าทีเชิงสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางแคนาดา (BoC) รวมถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังดำเนินอยู่ในเขตยูโรโซนและแคนาดา ตลอดจนราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง

การคาดการณ์สำหรับสินทรัพย์หลัก

  • คาดว่าจะฟื้นตัว: USDCAD, USDJPY, US Dollar, Silver, BTCUSD, ETHUSD
  • มีแนวโน้มปรับลดลงต่อไป: AUDUSD, NZDUSD, GBPUSD
  • คาดว่าจะเคลื่อนไหวในโหมด Sideways: Nasdaq, Gold, DJI30, USDCNH
  • คาดว่าจะค่อยๆปรับลดลงและปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง: DAX, FTSE 100, EURUSD, Crude Oil

ขอให้คุณโชคดีในการเทรด!