การเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุดคือความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับโบรกเกอร์ผู้ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ นอกเหนือจากวิธีการและช่องทางการตลาดแบบดั้งเดิม (SEO, โซเชียลมีเดีย, โฆษณา ฯลฯ) โบรกเกอร์ยังใช้ตัวแทนในการทำธุรกิจอีก 2 ประเภท: คือ ผู้แนะนำโบรกเกอร์ (IB) และ White Labels
ตัวแทนทั้ง 2 ประเภทจะช่วยให้โบรกเกอร์ได้ขยายฐานลูกค้า โดย IB จะเป็นพาร์ทเนอร์ของโบรกเกอร์ Forex ขณะที่ WL จะได้รับค่าคอมมิชชั่นและผลตอบแทน แม้ทั้งสองจะมีหน้าที่คล้ายๆ กัน แต่ก็มีลักษณะงานบางอย่างที่แตกต่างกัน ในบทความวันนี้ เราจะมาอธิบายความแตกต่างระหว่างการทำงานผ่านโปรแกรมพาร์ทเนอร์ Forex แบบทั่วไปกับการทำงานแบบ White Label
การเป็น IB ผู้แนะนำโบรกเกอร์นั้นง่ายมากๆ ใครๆ ก็สามารถเป็น Forex IB ได้ โดยมีหลักการง่ายๆ คือความร่วมมืออย่างโปร่งใสระหว่างโบรกเกอร์และบุคคลที่สามที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อนำลูกค้าใหม่และรับผลตอบแทนสำหรับการกระทำของลูกค้าเหล่านั้น (เงินฝาก ล็อตซื้อขาย และอื่นๆ)
พูดง่ายๆ IB ก็คือผู้ที่แนะนำและนำพาลูกค้าใหม่ให้มารู้จักกับโบรกเกอร์นั่นเอง
โดยทั่วไป IB จะได้รับค่าคอมมิชชั่นจากรูปแบบผลตอบแทนหลายๆ รูปแบบ อาทิ:
Forex | Cryptos |
---|---|
มีการกำกับดูแล | ไม่มีการกำกับดูแล |
สภาพคล่องสูง | สภาพคล่องน้อยกว่า |
มีความมั่นคงมากกว่า | ความผันผวนสูงกว่า |
ราคา Swing น้อยกว่า | มีความไม่มั่นคง มีโอกาสโดนหลอกได้ง่าย |
เหมาะสำหรับนักเทรดที่ไม่ชอบความเสี่ยง | ต้องอาศัยการเรียนรู้, มีสินทรัพย์ให้เลือกเยอะกว่า |
เหมาะสำหรับการ Day trade | เหมาะสำหรับการ Day trade |
โดยส่วนใหญ่ Introducing Broker หรือ IB ถือเป็นหุ้นส่วนของโปรแกรมพาร์ทเนอร์ Forex ที่จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของโบรกเกอร์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบัญชี และเข้าถึงเครื่องมือส่งเสริมการขาย โฆษณา และการสนับสนุนหลายๆ ด้าน
หน้าที่หลักของ IB ที่มีต่อลูกค้า มีดังนี้
สรุปง่ายๆ IB จะเปรียบเสมือนตัวกลางระหว่างโบรกเกอร์กับลูกค้า โดยจะช่วยมือใหม่ในการเริ่มต้นและแนะนำพวกเขาต่อไปในการออกออเดอร์และการทำกำไรครั้งแรก ซึ่งจะทำให้ IB ได้รับค่าคอมมิชชั่นจากการดำเนินการต่างๆ
ถึงแม้ WL จะทำงานในลักษณะเดียวกับ IB แต่ก็มีจุดมุ่งหมายที่ต่างกัน ที่สำคัญ White Label ยังเป็นระบบที่มีความซับซ้อนมากกว่า เนื่องจาก WL จะให้บริการในฐานะโบรกเกอร์ด้วยตนเองผ่านรูปแบบแบรนด์แบบสแตนด์อโลน
พูดง่ายๆ White Label เป็นการสร้างและโปรโมทตนเองในฐานะโบรกเกอร์อีกหนึ่งแบรนด์ (เป็นโบรกย่อย) ไม่ใช่การดึงดูดผู้ติดตามหรือลูกค้าไปยังโบรกเกอร์หลัก โดยเป้าหมายของ WL ไม่ใช่เพื่อแนะนำลูกค้าแต่เพื่อดึงดูดนักเทรดให้มาร่วมเทรดกับโบรกเกอร์ของตัวเอง แต่ WL อาจมีการจดทะเบียนและกำกับดูแลโดยโบรกเกอร์หลักเพื่อใช้สื่อต่างๆ เพื่อให้นักเทรดที่เทรดผ่าน White Label สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มการซื้อขายได้
โดยทั่วไป White Label จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่:
แม้ IB และ WL ดูเหมือนจะมีหน้าที่ ความรับผิดชอบที่คล้ายคลึงกัน แต่การเป็น IB นั้นง่ายกว่าและไม่ยุ่งยากเท่ากับการเป็น WL เพียงแค่รับค่าคอมมิชชั่นและนำพาลูกค้าให้มาเทรดกับโบรกเกอร์ โดยที่ IB ไม่จำเป็นต้องจัดการกับปัญหาทางเทคนิคหรือการจัดการบัญชี เพียงช่วยให้ลูกค้าใหม่ได้เริ่มเทรดเป็น ช่วยเสนอแนะกลยุทธ์การเทรด และรับค่าคอมมิชชั่นสำหรับการดำเนินการต่างๆ ของลูกค้า
ส่วน White Label จะมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่มากกว่า ละเอียดกว่า โดยหน้าที่หลักคือการสร้างแบรนด์และบริการการเทรดในฐานะโบรกเกอร์แบบสแตนด์อโลน ซึ่งอาจเป็นการดำเนินที่การเนื่องจากต้องอาศัยจำนวนพนักงาน การสร้างทีม และการทำให้ลูกค้ายอมรับและเชื่อถือได้ อย่างไรก็ดี ท่านสามารถเป็นพาร์ทเนอร์ได้ง่ายๆ ด้วยเงื่อนไขการเทรดที่ดีที่สุดจากการเข้าร่วมโปรแกรมพาร์ทเนอร์ของโบรกเกอร์ Forex ชั้นนำอย่าง MTrading
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน