ออกจากระบบ
คุณจะแน่ใจหรือไม่ที่จะออกจากระบบ

รวบรวมอินดิเคเตอร์วัดปริมาณการซื้อขาย (Volume Indicator) เพื่อเพิ่มโอกาสเทรดทำกำไร

หากท่านกำลังเทรดโดยการเฝ้าติดตามปริมาณการซื้อขายของสินทรัพย์ใดก็ตามในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งอยู่ล่ะก็… เครื่องมือ Volume Indicator เป็นอะไรที่ท่านไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาด เพราะ volume indicator หรือตัวชี้วัดวอลุ่มจะคอยช่วยวัดปริมาณการซื้อขายที่เกิดขึ้นในตลาด รวมถึงช่วยตรวจสอบว่ามีจำนวนการแลกเปลี่ยนสัญญาซื้อขาย (Contract) และ CFDs มากน้อยแค่ไหน โดยมีกราฟราคาและแพทเทิร์นกราฟเป็นองค์ประกอบสำคัญในการวัดและเทรดโดยใช้วอลุ่มนั่นเอง

None

สำหรับนักเทรดสายวิเคราะห์กราฟเทคนิคแล้ว แน่นอนว่าหลายๆ ท่านคงรู้ดีว่าปริมาณการซื้อขายหรือวอลุ่มมีความสำคัญในการวิเคราะห์กราฟในแพทเทิร์นต่างๆ อย่างไร ที่สำคัญ มันยังสามารถใช้ร่วมกับ indicator เชิงเทคนิค อื่นๆ เพื่อวิเคราะห์ตลาดในเชิงลึกได้อีกด้วย

โดยในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่า indicator ที่ใช้วัดปริมาณการซื้อขายที่นำไปใช้เทรดทำกำไรได้จริง และนักเทรดมือาชีพนิยมใช้กันนั้นมีอะไรบ้าง

3 อันดับ Indicator วัดปริมาณการซื้อขายที่ดีที่สุด

ตัวชี้วัดวอลุ่มแต่ละประเภทจะมีสูตรการคำนวณที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งจะแสดงผลบนกราฟราคาแตกต่างกันไปด้วยเช่นกัน และเนื่องด้วยสูตรการคำนวณปริมาณการซื้อขายที่แตกต่างกันนี้เอง จึงอาจไม่เหมาะที่จะใช้ทุกกลยุทธ์เทรดโดยอาศัย indicator เพียงชนิดเดียวเท่านั้น แต่เทรดเดอร์ควรปรับใช้ indicator แต่ละชนิดแตกต่างกันไปตามกลยุทธ์หรือเทคนิคเทรดของท่าน หรืออาจพิจารณาประเภทของตลาดที่ท่านเทรดร่วมด้วยเช่นกันครับ

Industry-best trading conditions
Deposit bonus
up to 200% Deposit bonus 
up to 200%
Spreads
from 0 pips Spreads 
from 0 pips
Awarded Copy
Trading platform Awarded Copy
Trading platform
Join instantly

จริงอยู่ที่ว่า indicator วัดวอลุ่มเหล่านี้อาจไม่ได้จำเป็นสำหรับการเทรดของท่านมากนัก เนื่องจากว่ามันไม่ได้การันตีโอกาสในการกำไรแบบ 100% แต่มันจะช่วยทำให้เทรดเดอร์เห็นภาพรวมของตลาดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้ตัดสินใจเทรดได้ดีขึ้นนั่นเอง โดย volume indicator ที่เราแนะนำ มีดังนี้:

  1. OBV – หรือ On-balance volume indicator เป็นเครื่องมือชี้วัดที่เหมาะกับมือใหม่หัดเทรดเป็นอย่างมาก เพราะท่านไม่จำเป็นต้องมีความรู้หรือทักษะพิเศษในการเทรดก็สามารถใช้ OBV ได้ไม่ยาก โดย indicator ชนิดนี้ไม่เพียงแค่บ่งบอกสัญญาณกลับตัวในจังหวะที่ราคาไม่สอดคล้องกับ indicator เท่านั้น แต่ยังแสดงปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง ณ ช่วงสิ้นสุดของตลาดอีกด้วย
  2. Klinger Oscillator – indicator ชนิดนี้จะช่วยระบุความผันผวน ณ บริเวณต่ำกว่าหรือเหนือกว่าเส้น 0 และยังช่วยคำนวณยอดรวมของปริมาณการซื้อขายในกรอบเวลา (Timeframe) ต่างๆ
  3. Chaikin Money Flow – เป็นอีกหนึ่งในประเภท indicator ที่วัดปริมาณการซื้อขายในระยะสั้นๆ ที่เกิดการแกว่งตัว โดยเมื่อใช้เครื่องชี้วัดชนิดนี้ เทรดเดอร์จะต้องเฝ้าจับตาราคาที่พุ่งขึ้นไปพร้อมๆ กับ indicator หรือเมื่อราคาร่วงลง indicator นี้ก็จะต้องลดลงด้วยเช่นกัน (ราคาปิดต่ำกว่าเดิม พร้อมกับวอลุ่มรายวันที่น้อยกว่าเดิม)

ท่านจะสามารถใช้ indicator ต่างๆ ได้อย่างราบรื่น เพียงติดตั้ง MetaTrader 4 บนอุปกรณ์ที่ท่านใช้เทรด แล้วทดสอบประสิทธิภาพของ indicator เหล่านั้นผ่าน บัญชีเดโม่ ที่มีเงินจำลองให้ถึง $5000 เลยทีเดียว! หลังจากกรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านสามารถดาวน์โหลด MT4 ได้ในหน้า Trader's Room ในทันที!!

เอาล่ะ! ก่อนที่จะไปเลือก indicator เพื่อใช้กับ กลยุทธ์การเทรด ของท่าน ลองมาดูเคล็ดลับดีๆ ในการใช้ volume indicator เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าเครื่องชี้วัดวอลุ่มชนิดใดที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของท่านมากที่สุด แล้วไปลองพิสูจน์กันเลยว่า indicator วัดวอลุ่มเหล่านั้นช่วยให้ท่านเทรดได้ง่ายขึ้นจริงไหม

คู่มือการใช้งาน Volume Indicator ขั้นเบื้องต้น

สิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงนั้นไม่ใช่ขั้นตอนการใช้ indicator วัดปริมาณการซื้อขาย แต่เป็นการศึกษาและพิจารณาข้อมูลที่ได้จาก indicator เหล่านั้นต่างหากล่ะครับ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เทรดเดอร์ส่วนมากจะเลือกติดตามเพียงแค่สินทรัพย์ที่มีความเคลื่อนไหวและราคาที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่เลือกที่จะมองข้ามสินทรัพย์ที่มีความเคลื่อนไหวน้อยๆ ทั้งๆ ที่สินทรัพย์เหล่านั้นอาจให้กำไรได้มากเลยทีเดียวครับ โดยขั้นตอนการพิจารณา volume indicator ที่เราจะมาแนะนำในวันนี้จะช่วยให้ท่านตัดสินใจได้ไวและเทรดได้ดียิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

Indicator วัดปริมาณการซื้อขายจะช่วยในการ:

  • ยืนยันแนวโน้ม (เทรนด์) – เทรดเดอร์หลายท่านอาจคุ้นเคยกับราคาที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ตลาดมีความคึกคักเป็นพิเศษ อย่างไรก็ดี เมื่อราคาเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณวอลุ่มลดลง นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าราคาจะเกิดการกลับตัวในไม่ช้า และนักลงทุนในตลาดอาจเทขายสินทรัพย์นั้นออกในที่สุด
  • พิจารณาวอลุ่มและแรงเคลื่อนไหว – หรือพูดง่ายๆ ก็คือ จังหวะที่ตลาดเกิดแรงซื้อและแรงขายขึ้นมาในจังหวะที่ตลาดมีความเคลื่อนไหวมาพักใหญ่ๆ จนเริ่มอ่อนแรงแล้ว ซึ่งโดยส่วนมากเราจะเห็นราคาวิ่งเร็วและแรง รวมถึงแท่งวอลุ่มที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อไหร่ที่ท่านสังเกตเห็นพฤติกรรมของราคาและวอลุ่มเป็นแบบนี้ นั่นหมายความว่าเทรนด์นั้นๆ กำลังจะสิ้นสุด และจะมีการเปลี่ยนเทรนด์ในไม่ช้า
  • สังเกตสัญญาณขาขึ้น – เมื่อราคาลดลงแต่ยังไม่แตะ Low ก่อนหน้า นั่นอาจเป็นการส่งสัญญาณของขาขึ้นได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราคาลดลงแต่ปริมาณการซื้อขายกลับเพิ่มขึ้น
  • พิจารณาภาพรวมของปริมาณการซื้อขายย้อนหลัง – เทรดเดอร์ควรติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดและราคาในช่วงเวลาต่างๆ ในอดีต เพื่อเปรียบเทียบกับความเคลื่อนไหวของตลาดในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำให้ท่านใช้ชุดข้อมูลที่ไม่เก่าจนเกินไป เนื่องจากมันมีโอกาสที่จะสัมพันธ์กับตลาดในปัจจุบันมากกว่านั่นเอง

สรุปเข้าใจง่ายๆ

การพิจารณาวอลุ่มหรือปริมาณการซื้อขายเป็นวิธีการที่ดีในการเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดของท่าน เนื่องจากท่านจะสามารถสังเกตความเคลื่อนไหวของตลาด รวมถึงจับสัญญาณการกลับตัวของราคาได้ ที่สำคัญท่านยังใช้ indicator วัดวอลุ่มในการยืนยันแนวโน้ม และตรวจสอบระดับความแข็งแกร่งของตลาดได้อีกด้วยครับ

Indicator ที่ใช้วัดปริมาณการซื้อขายมีประโยชน์เป็นอย่างมากในการช่วยเทรดเดอร์ให้ตัดสินใจเทรดได้ดีขึ้น ทำให้รู้จุดแข็งและจุดอ่อนของตลาดได้เป็นอย่างดี แต่ต้องยอมรับว่าบางครั้งเครื่องมือประเภทนี้ก็อาจไม่ได้จำเป็นเสมอไป โดยเฉพาะถ้าท่านเทรดแค่ในระยะสั้นๆ แต่ก็ลองไปศึกษากันดูนะครับ ไม่แน่… เครื่องมือชี้วัดวอลุ่มเหล่านี้อาจช่วยให้ท่านเทรดได้กำไรมากยิ่งกว่าเดิมก็เป็นได้!

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน