ด้วยจังหวะและเวลาในการเทรดที่หลากหลายเต็มไปหมด คงเป็นไปได้ยากที่จะบอกว่าเทรดเดอร์ควรเข้าเทรดจังหวะไหนและจังหวะใดที่ไม่ควรเข้าเทรด เพราะถ้าหากจะพูดกันตามความเป็นจริง การจะเทรดได้ถูกต้องหรือเปล่านั้นขึ้นอยู่กับผลลัพธ์หรือกำไรที่ได้จากการเทรดต่างหากล่ะครับ ดังนั้น เทรดเดอร์จึงควรศึกษาและหาจังหวะการเข้าเทรดที่เหมาะสมและเอื้อต่อการทำกำไรให้ได้มากที่สุด ในขณะเดียวกันก็อย่าลืมว่าต้องเป็นจังหวะที่ไม่เสี่ยงต่อการขาดทุนเช่นกันนะครับ
หลักการสำคัญนั้นไม่เพียงแค่เพื่อหาจังหวะการเข้าเทรดที่ปลอดภัย แต่ต้องเป็นจังหวะที่มีประสิทธิภาพต่อการเทรดของท่านอีกด้วย ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้เทรดเดอร์ผู้ช่ำชองมักจะจัดเตรียมวิธีการเข้าเทรด forex ในหลายๆ จังหวะเอาไว้เสมอ เพื่อให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้แม้ว่าจะมีแนวโน้มหรือการเคลื่อนไหวของราคาในรูปแบบใดก็ตาม
แต่ก่อนอื่น ท่านจะต้องทำความเข้าใจการเทรดขั้นพื้นฐานให้ดีเสียก่อน เพราะหลักการพื้นฐานต่างๆ จะช่วยบอกได้ว่าท่านควรเข้าเทรดตอนไหน
จังหวะการเข้าเทรดมีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จในการเทรดของท่าน แม้ว่าท่านไม่ควรจะหมกมุ่นกับการหาจังหวะเหล่านั้นมากจนเกินไป แต่ในขณะเดียวกัน การมีจังหวะการซื้อขายที่เหมาะสมก็จะช่วยป้องกันไม่ให้ท่านขาดทุนเป็นจำนวนมาก
สิ่งแรกที่เทรดเดอร์ควรทำก็คือ การตรวจสอบว่าตัวท่านเข้าใจหลักการเทรดขั้นพื้นฐานดีพอแล้วหรือยัง หลักการเทรดพื้นฐานต่างๆ เหล่านั้น เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของราคา นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมท่านจึงควรศึกษาว่าปัจจัยใดที่กระตุ้นให้ราคาเกิดการเคลื่อนไหว ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักการเทรด forex ขั้นพื้นฐาน จะนำมาสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและทำให้ท่านประสบปัญหาในการเทรดในที่สุด
MetaTrader 4 เป็นแพลตฟอร์มที่เต็มไปด้วยเครื่องมือเทรดต่างๆ ที่ได้รับการทดสอบแล้วว่าเป็นเครื่องมือที่ปลอดภัยสำหรับการเทรด ท่านสามารถทดลองใช้เครื่องมือเหล่านั้นผ่าน บัญชีเดโม่ พร้อมเงิน $5,000 สำหรับการทดลองเทรดแบบฟรีๆ หรือจะใช้เครื่องมือเทรดในการเทรดทำกำไรจริงๆ ด้วย บัญชีจริง เลยก็ได้เช่นกัน ท่านสามารถเลือกเองได้เลยครับ เพราะไม่ว่าท่านจะเลือกทางไหน ทีมของเราก็จะคอยให้ความช่วยเหลือเทรดเดอร์ทุกท่านอยู่เสมอ ส่งข้อความมาหาเราผ่าน ไลฟ์แชท บนเว็บไซต์ MTrading ได้เลยครับ!
ดังนั้น ขั้นตอนเบื้องต้นในการหาจุดเข้าเทรดที่ดี คือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานให้ถูกต้องตามหลักการ ด้วยการใช้เครื่องมือในการคาดการณ์ทิศทางของราคาในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้น การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะช่วยทำให้ท่านทราบว่าระหว่างกลยุทธ์การเทรด ระยะสั้น และ ระยะยาว กลยุทธ์แบบใดจะเหมาะสมในการตั้งจังหวะการเข้าเทรดรายวันได้ดีที่สุด
เมื่อท่านทราบวิธีการวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานแล้ว ท่านก็สามารถใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์การเข้าเทรดในหลายๆ จังหวะ ด้วยเทคนิคการเทรดที่หลากหลายและใช้ได้ผลจริงๆ
ตัวอย่าง: สมมุติว่าเทรดเดอร์ต้องการที่จะกำหนดระดับราคา (หรือระดับแนวรับและแนวต้าน) ที่จะส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของตลาด ท่านจะทำอย่างไร? ท่านอาจจะใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคในการกำหนดระดับเหล่านั้น ซึ่งนั่นก็คือจังหวะในการเข้าเทรดนั่นเองครับ
ระดับแนวรับและแนวต้านเดิมมักจะช่วยในการบอกใบ้ความเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตว่าราคาจะเคลื่อนไหวเช่นเดียวกับในอดีต ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากๆ ที่ตลาดจะตอบสนองต่อแนวรับและแนวต้านเช่นเดิมเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งนี่จะเป็นโอกาสในการเลือกจังหวะการเข้าเทรดที่เหมาะสมของท่าน
กราฟราคาจะช่วยให้การหาระดับราคาที่เหมาะสมเป็นไปได้ง่ายมากยิ่งขึ้น สิ่งที่เทรดเดอร์ต้องทำก็เพียงแค่การอ่านกราฟเหล่านั้นให้ออก กราฟดังกล่าวจะช่วยบอกข้อมูลความเคลื่อนไหวของราคาที่สำคัญ ในช่วงเวลาที่ท่านต้องการวิเคราะห์ วิธีการนี้จะช่วยยืนยันความแม่นยำของทิศทางราคาของคู่เงินต่างๆ ในอนาคต ตัวอย่างเช่น:
กราฟราคาไม่เพียงแต่ช่วยในการระบุแนวรับและแนวต้าน แต่ยังมีประโยชน์สำหรับจังหวะราคาที่จบที่ 50 หรือ 00
ราคาด้านบน เป็นตัวอย่างระดับราคาที่มีอิทธิพลทางจิตวิทยาต่อตลาดการลงทุน โดยเทรดเดอร์มือใหม่ควรจะเข้าเทรด ณ จังหวะที่ชัดเจนแบบนี้ มากกว่าจะเข้าเทรดที่ระดับราคา 1.1343 ซึ่งเป็นระดับราคาที่ค่อนข้างน่ากังวล โดยเฉพาะสำหรับการเริ่มต้นเทรด
ระดับราคาหรือระดับแนวรับและแนวต้านมิใช่สิ่งเดียวที่ท่านควรคำนึงในการหาจังหวะการเข้าเทรด forex เพราะยังมีเครื่องมืออื่นๆ ที่ยังมีประโยชน์ในการระบุจังหวะเทรดที่เหมาะสม อินดิเคเตอร์เชิงวิเคราะห์ เป็นตัวช่วยอีกอย่างหนึ่งที่เรากำลังจะกล่าวถึง เพราะอินดิเคเตอร์เหล่านั้นสามารถใช้วางซ้อนทับกราฟราคาได้เลยครับ
เทรดเดอร์ควรเลือกใช้อินดิเคเตอร์อย่างหลากหลายและควรรู้ว่าจะใช้เครื่องมือเหล่านั้นอย่างไร หากใช้โดยไม่มีความรู้ความเข้าใจก็จะทำให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งจะส่งผลให้ท่านใช้เวลาในการตัดสินใจนานหรือช้าจนเกินไป ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยครับ
ดังนั้น เราขอแนะนำให้เทรดเดอร์ทำความรู้จักกับอินดิเคเตอร์ต่างๆ รวมถึงวิธีใช้เครื่องมือเหล่านั้นอย่างละเอียด โดยอาจจะเริ่มต้นศึกษาจากอินดิเคเตอร์ที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในหมู่นักลงทุนอย่าง Fibonacci retracements และ pivot point ซึ่งอินดิเคเตอร์ทั้งสองที่เราได้กล่าวมานี้ จะทำงานสัมพันธ์กับราคาของตราสารที่ได้รับความนิยม
และนี่คือวิธีในการใช้งานอินดิเคเตอร์เหล่านั้น:
ขอยืนยันว่าขั้นตอนที่เราได้แนะนำให้กับเทรดเดอร์ทุกท่าน จะทำให้เทรดเดอร์สามารถยืนยันจังหวะการเข้าเทรดที่ดีและปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
โปรดทราบ: เทรดเดอร์จะต้องมั่นใจว่ามีช่วงระยะห่างของราคาที่เพียงพอ ระหว่างระดับปัจจุบันและระดับที่ท่านจะเข้าเทรด เพื่อยืนยันจังหวะในการเข้าซื้อขายของท่าน
หากเทรดเดอร์ต้องการเทรดอยู่บ่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ท่านจะต้องไม่ลืมที่จะจับจังหวะการเข้าเทรดทุกครั้งเพื่อเข้าเทรด ณ จังหวะ timeframe ที่ดีที่สุด และอย่าลืมตั้งกลยุทธ์ในการเทรดตามเทคนิคที่ท่านถนัดเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของราคาให้ได้มากที่สุด
โดยกลยุทธ์ในที่นี้หมายถึงการใช้อินดิเคเตอร์หลายๆ ชนิดร่วมกันให้เกิดประโยชน์ ซึ่งจะยังช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตั้งจุดหยุดขาดทุน (Stop loss) ที่จะได้ผลดีมากๆ ในการป้องกันความเสี่ยงสำหรับนักเทรดระยะสั้น และจงพึงระลึกไว้เสมอว่าราคามักจะเคลื่อนไหวไปตามปัจจัยต่างๆ ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้น นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมท่านจึงต้องตั้งจุด stop loss เพื่อป้องกันการขาดทุน เช่นเดียวกับการตั้งจุดในการเข้าเทรด เพื่อให้ท่านเทรดได้ประสบความสำเร็จอย่างที่ท่านตั้งใจ
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน