ออกจากระบบ
คุณจะแน่ใจหรือไม่ที่จะออกจากระบบ

เทคนิคเทรดขาลงด้วยรูปแบบกราฟ Triple Top Pattern

แพทเทิร์น Triple top เป็นรูปแบบกราฟที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่นิยมใช้เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค เนื่องจากเป็นแพทเทิร์นที่ใช้คาดการณ์จังหวะการกลับตัวของราคาล่วงหน้าได้ โดยที่มาของชื่อ “Triple top” นั้นมาจากลักษณะของแพทเทิร์นที่มีจุดยอด หรือจุด High ที่เท่าๆ กันถึง 3 จุด ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกว่าราคาอาจไม่สามารถพุ่งทะลุระดับดังกล่าวขึ้นต่อไปได้อีก จึงมีโอกาสที่ราคาอาจกลับตัวลงในที่สุด

None

ข้อดีของแพทเทิร์น Triple top ก็คือท่านสามารถใช้กราฟรูปแบบนี้เทรดได้ทุกกรอบเวลา (Timeframe) เลยทีเดียว และแน่นอนว่าเมื่อมี Triple top แล้วก็ต้องมี Triple bottom ด้วยจริงไหมล่ะครับ? แต่ที่แตกต่างกันก็คือกราฟ Triple bottom จะบ่งบอกว่าราคาอาจไม่สามารถย่อลงต่ำกว่านั้นได้อีกแล้ว และมีโอกาสที่ราคาอาจกลับตัวขึ้นนั่นเอง แต่ในบทความวันนี้ เราจะมาพูดคุยเกี่ยวกับกราฟ Triple top พร้อมเทคนิคเทรดด้วยกราฟดังกล่าว

สิ่งที่ควรรู้เมื่อเทรดด้วยกราฟ Triple Top Pattern

ก่อนที่เราจะพูดถึงวิธีเทรดด้วย Triple top ในสภาวะตลาดจริง ลองมาดูประเด็นสำคัญต่างๆ ที่ท่านควรรู้เกี่ยวกับกราฟ Triple top ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้: 

  1. แพทเทิร์นนี้ประกอบไปด้วยยอดสูงสุดของกราฟ 3 ยอด ที่มีราคาเด้งตัวขึ้นลงอยู่ระหว่างกรอบของยอดดังกล่าว
  2. เมื่อราคาเริ่มย่อลงต่ำกว่าเส้นแนวรับ นั่นคือสัญญาณที่บอกว่าราคากำลังจะเปลี่ยนเป็นขาลง
  3. เมื่อราคาหลุดแนวรับไปแล้ว เทรดเดอร์ควรเปิดออเดอร์ชอร์ต (Short sell) หรือปิดออเดอร์ Long ที่ถือไว้อยู่
  4. อย่าลืมตั้งจุด Stop loss เหนือจุดยอดของกราฟ (หรือระดับแนวต้านนั่นเอง)

เอาล่ะ! เมื่อท่านเข้าใจเกี่ยวกับองค์ประกอบเบื้องต้นของกราฟ Triple top pattern แล้ว ต่อไปลองมาดูหลักการใช้แพทเทิร์นนี้กัน

หลักการทำงานของแพทเทิร์น Triple Top

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าแพทเทิร์นนี้ประกอบไปด้วยจุดยอดของกราฟทั้งหมด 3 จุดที่อยู่เหนือเส้นแนวรับสำคัญ โดยจุดยอดทั้ง 3 จุดนั้นจะอยู่ ณ ระดับราคาเดียวกัน และเชื่อมต่อกันเป็นเส้นแนวต้านของกรอบที่ราคาเด้งขึ้นลงหรือที่เรียกว่า Swing low นั่นเอง เมื่อกราฟเกิดจุด High ทั้งหมด 3 จุดที่เท่ากันแล้ว เทรดเดอร์จะต้องรอให้ราคาร่วงทะลุแนวรับลงไปให้ได้

Industry-best trading conditions
Deposit bonus
up to 200% Deposit bonus 
up to 200%
Spreads
from 0 pips Spreads 
from 0 pips
Awarded Copy
Trading platform Awarded Copy
Trading platform
Join instantly

และก็คงไม่แปลกหากเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์การเทรดมาพอสมควรจะมองว่ารูปแบบ Triple top นั้นคล้านกับแพทเทิร์น Head and shoulder เนื่องจากรูปแบบทั้ง 2 มีจุดยอดของกราฟ 3 จุดเช่นเดียวกัน แต่ที่แตกต่างกันชัดเจนเลยก็คือในกราฟ Triple top จุดยอดนั้นจะอยู่ในระดับเดียวกันทั้งหมด ในขณะที่จุดยอดตรงกลางของกราฟ Head and shoulder จะอยู่ระดับสูงกว่าจุดยอดอีก 2 จุดนั่นเอง

ข้อควรรู้: กราฟแพทเทิร์น Head and shoulder และ Triple top สามารถเทรดได้โดยใช้วิธีเดียวกัน

ข้อดีของการเทรดด้วยกราฟ Triple Top

เมื่อท่านสังเกตเห็นรูปแบบกราฟนี้ นั่นหมายความว่าราคาสินทรัพย์อาจไม่สามารถทะลุผ่านระดับ High ไปได้อีกแล้ว หรือหากพูดในเชิงสภาวะของตลาดจริงๆ ก็คือราคาได้พยายามที่จะพุ่งทะลุระดับดังกล่าวเป็นเวลาหลายครั้งเพื่อที่จะขึ้นต่อ แต่ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้

ดังนั้น เมื่อราคาไม่สามารถพุ่งทะลุแนวต้านไปได้ โอกาสที่จะเทรดได้กำไรจากการถือออเดอร์ Buy ก็ย่อมลดลง เพราะเมื่อราคาเริ่มหลุดกรอบ Swing low ไปได้แล้ว แรงเทขายก็จะเริ่มกลับเข้ามาในตลาด ซึ่งโอกาสสำคัญที่ท่านจะได้เปิดออเดอร์ Sell และทำกำไรจากการกลับตัวลงของราคา

อย่างไรก็ตาม ท่านควรเทรดตามรูปแบบกราฟนี้ด้วยความระมัดระวังเช่นเดียวกับแพทเทิร์นอื่นๆ เพราะถึงแม้ท่านจะสังเกตเห็นว่ากราฟเข้าเงื่อนไขทั้งหมดของแพทเทิร์นนี้แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าราคาจะดิ่งลงเสมอไป เพราะบางครั้งราคาก็ยังมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นและอาจพุ่งทะลุเส้นแนวต้านที่เชื่อมระหว่างจุด High ทั้ง 3 จุดไปได้ ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการขาดทุนหากทิศทางราคาไม่เป็นไปตามหลักการของแพทเทิร์นนี้จริงๆ เราขอแนะนำให้ท่านตั้ง Stop loss ณ ราคา High ล่าสุดก่อนที่ราคาจะย่อลง 

เคล็ดลับการเทรดด้วยกราฟ Triple Top Pattern

เมื่อเทรดเดอร์เริ่มเห็นว่าราคากำลังหลุดแนวรับไปแล้ว ท่านควรปิดออเดอร์ Long แล้วเปิดออเดอร์ Short แทน โดยมีเทคนิคคือการลากเส้นเทรนด์ไลน์ (Trend line) ที่เชื่อมระหว่าง Swing low หลายๆ จุดนั่นเอง และเมื่อราคาเริ่มย่อลงต่ำกว่าเส้นเทรนด์ไลน์นั้นไปแล้ว ก็หมายความว่ากราฟตรงตามเงื่อนไขของแพทเทิร์น Triple top และมีโอกาสที่ราคาจะย่อตัวลงอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันสัญญาณหลอกจากการเทรดตามกราฟแพทเทิร์นใดๆ ก็ตาม ท่านจะต้องพิจารณาสัญญาณยืนยันจากตัวชี้วัดอื่นๆ ด้วยเช่นกัน โดยเมื่อเทรดด้วยกราฟ Triple top ท่านจะต้องดูว่าตลาดมีวอลุ่ม (Volume) มากขนาดไหน เพราะวอลุ่มจะเป็นตัวบอกว่านักลงทุนกำลังสนใจสินทรัพย์ตัวนั้นๆ มากน้อยแค่ไหนนั่นเอง และหากวอลุ่มยังคงเท่าเดิมอยู่ ก็หมายความว่าแพทเทิร์น Triple top อาจใช้ไม่ได้ผลในครั้งนี้ เนื่องจากตลาดไม่มีแรงมากพอที่จะฉุดให้ราคาดิ่งลงได้ต่อไป

ท้ายที่สุด อย่าลืมนะครับว่าหากจะให้ดีที่สุด เทรดเดอร์ควรใช้แพทเทิร์นนี้ร่วมกับ ตัวชี้วัดเชิงเทคนิค เช่น MACD, RSI และเครื่องมืออื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการเทรดด้วยแพทเทิร์น Triple top ให้มากยิ่งขึ้น และป้องกันความเสี่ยงในการเทรดขาดทุนจากสัญญาณหลอก

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน