เทคนิคการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Forex เบื้องต้นง่ายๆ

หลายคนกำลังมองข้ามการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental analysis) ในการเทรด Forex และให้ความสำคัญกับปัจจัยทางเทคนิคมากกว่า โดยเฉพาะนักเทรดรายวัน (Intraday trading) ที่อาจมองว่าข่าวปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ไม่มีผลต่อทิศทางการเทรดรายวัน (ซึ่งก็จริง) แต่รู้ไหมครับว่าการพึ่งพาเครื่องมือเทรดเพียงไม่กี่อย่าง หรือใช้เทคนิคเทรดแบบเดียวอาจกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน

เราไม่ได้กำลังบอกท่านว่า “เลิกติดตามปัจจัยทางเทคนิคซะ” แล้วหันมา “เกาะติดข่าวปัจจัยพื้นฐาน Forex” อย่างเดียวแทน แต่อยากให้ท่านลองนำปัจจัยทั้ง 2 ด้านมารวมกัน เพื่อวิเคราะห์ทิศทางของตลาดให้ได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากเครื่องมือทางเทคนิคแล้ว ปัจจัยพื้นฐานก็ยังเป็นอีกหนึ่งประเภทเครื่องมือที่สำคัญต่อการเทรดของท่านเช่นกัน

กลยุทธ์การเทรดด้วยปัจจัยพื้นฐาน Forex

ข่าวปัจจัยพื้นฐานเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ท่านเข้าใจภาพรวมของตลาดได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น คาดการณ์ได้ว่าตลาดมีทิศทางแบบไหน แนวโน้มกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร คราวนี้พอจะเห็นแล้วใช่ไหมครับว่าการมองข้ามปัจจัยพื้นฐานอาจเป็นมหันตภัยต่อการเทรดของท่าน เพราะท่านอาจพลาดมุมมองดีๆ เกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกและสภาวะการเงินการลงทุนที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน

คำเตือน: เทคนิคการเทรดด้วยปัจจัยพื้นฐานเหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาวเท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับการ Day trade

ก่อนจะนำข่าวปัจจัยพื้นฐานมาใช้เป็นเครื่องมือในการเทรด ท่านจะต้องเข้าใจแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในตลาดให้ดีเสียก่อน รวมถึงคำศัพท์และทฤษฎีพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ เช่น ตลาดทุน (Capital market) และเศรษฐศาสตร์จุลภาค (Microeconomics) เป็นต้น ที่สำคัญจะต้องหมั่นติดตามและอัปเดตข่าวสารล่าสุดในตลาดอยู่เสมอ ทั้งในทีวี วิทยุ และ อินเทอร์เน็ต

จะเทรด Forex ด้วยปัจจัยพื้นฐานได้อย่างไร?

ถ้าถามว่าจะเทรด Forex ตามข่าวปัจจัยพื้นฐานได้อย่างไร? ท่านจะต้องเข้าใจเงื่อนไขและสภาวะของตลาด และติดตามความเคลื่อนไหวเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลกอย่างสม่ำเสมอ ต้องขอบอกว่าเป็นความโชคดีของนักลงทุนยุคนี้ที่สามารถเข้าถึงข่าวสารต่างๆ ได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นความเคลื่อนไหวทางสังคม, การเลือกตั้ง, สงครามการเมือง และภัยพิบัติต่างๆ ที่เป็นข้อมูลสำคัญต่อการเทรดในระยะยาว

ตัวอย่าง: ทันทีที่สหราชอาณาจักรออกจาก EU หลัง Brexit เงินปอนด์อังกฤษร่วงยับถึง 2,000 Pips เป็นวิกฤตสำคัญในการลงทุนรวมถึงสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก

อย่างไรก็แล้วแต่ ตามที่ได้บอกไปว่าการติดตามข่าว Fundamental เป็นเทคนิคในการลงทุนระยะยาวเท่านั้น เพราะต้องอาศัยระยะเวลากว่าข่าวจะออกหรือต้องรอให้มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นที่ส่งผลกระทบต่อตลาด จึงอาจไม่เหมาะนำมาใช้วิเคราะห์หรือคาดการณ์สำหรับการเทรดสั้นๆ เช่น การเทรด Scalping เป็นต้น

ปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่เป็นแรงขับเคลื่อนตลาด Forex

หากจะมองปัจจัยพื้นฐานในตลาด Forex ให้เข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น นักลงทุนจะต้องจับตาดูประเด็นต่างๆ ที่เป็นแรงขับเคลื่อนและส่งผลต่อตลาด ได้แก่:

1. อัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยเป็นตัวบ่งบอกจำนวนเงินที่ผู้กู้ยืมหรือผู้ซื้อต้องจ่ายให้แก่ผู้ให้กู้หรือผู้ขาย ทำให้อัตราดอกเบี้ยเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อมูลค่าสกุลเงินต่างๆ ว่าสกุลเงินนั้นๆ จะมีมูลค่าอย่างไรเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงิน โดยทั่วไปหากสภาวะเศรษฐกิจมีความมั่นคงและอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ประมาณ 3-5%
2. อัตราเงินเฟ้อ สมมุติว่าหลายเดือนก่อน อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 2.5% แต่ในเดือนนี้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นที่ 3% นักลงทุนก็จะนำประเด็นนี้มาวิเคราะห์ว่าจะส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจอย่างไร และธนาคารกลางมีแผนจะทำอย่างไรเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น (ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ) ซึ่งก็จะส่งผลสำคัญต่อความเคลื่อนไหวในตลาด
3. ธนาคารกลาง หรือ Central bank เป็นสถาบันทางการเงินที่มีหน้าที่รับผิดชอบจัดการ, พัฒนา และกำหนดนโยบายทางการเงินของประเทศ เพื่อให้ค่าเงินของประเทศมีความมั่นคงและแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ รวมถึงควบคุมอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยของประเทศ อีกทั้งยังเป็นผู้ดูและเงินทุนสำรองและคลังการเงินของประเทศอีกด้วย
4. ข่าว แถลงการณ์ และเหตุการณ์สำคัญต่างๆ นักลงทุนต้องหมั่นติดตามข่าวสารใหม่ๆ และทันเหตุการณ์ต่างๆ ที่ส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจอยู่เสมอ (เช่น จากแหล่งข่าว CNN หรือ Bloomberg) รวมถึงข่าวสารของบริษัทต่างๆ ที่มีผลต่อราคาหุ้นในวันนั้นๆ หรือวันต่อๆ ไป เราขอแนะนำให้ท่านมองภาพรวมทั้งสถานะของบริษัทและความเคลื่อนไหวของสภาวะการเงินในระดับประเทศและระดับโลก

สภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ทางเศรษฐกิจก็ส่งผลต่อตลาดในแง่มุมที่ต่างกัน ดังนั้น นักลงทุนควรติดตามข่าวปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้อยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยให้ท่านเข้าใจตลาดและสามารถคาดการณ์ทิศทางตลาดได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน