EURUSD ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 11 สัปดาห์: ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ ECB และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ความวิตกกังวลก่อนเหตุการณ์สำคัญท้าทายโมเมนตัมของตลาด

ตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะ sidelined ในช่วงเช้าวันพฤหัสบดี โดยทรงตัวจากการเคลื่อนไหวก่อนหน้า ขณะที่นักเทรดเตรียมตัวรับมือกับ 'Super Thursday' ซึ่งประกอบด้วยการประกาศอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) และรายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ซึ่งการเคลื่อนไหวของตลาดยังถูกจำกัดด้วยข่าวสารทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีการรายงานออกมาในหลากหลายทิศทางจากตะวันออกกลางและจีน

ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) พุ่งสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม โดยได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจในวันก่อนหน้าจะไม่น่าประทับใจนักก็ตาม ความแข็งแกร่งของดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงในสหราชอาณาจักรและความกังวลเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นจาก ECB นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตของธนาคารกลางญี่ปุ่น และการพูดคุยที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับท่าทีการผ่อนคลายนโยบายการเงินจากธนาคารกลางแคนาดา ก็ช่วยให้ดอลลาร์สหรัฐฯยังคงแข็งแกร่งต่อไป

ในขณะเดียวกัน ข่าวสารเกี่ยวกับความพยายามของอิสราเอลในการปรับปรุงสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซา และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคที่อยู่อาศัยของจีน ช่วยสร้างความเชื่อมั่นเชิงบวกให้กับนักลงทุนในตลาด ซึ่งช่วยหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบกลับไม่ตอบสนองในเชิงบวกต่อการปรับลดลงอย่างไม่คาดคิดของปริมาณสินค้าคงคลังน้ำมันรายสัปดาห์ ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้น รวมถึงการคาดการณ์การเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันและความต้องการพลังงานที่ลดลง ยังคงส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน

EURUSD ต้องแบกรับความกังวลเกี่ยวกับท่าทีการผ่อนคลายนโยบายการเงินของ ECB และปัญหาทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป

จากความแข็งแกร่งโดยภาพรวมของดอลลาร์สหรัฐฯ ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของยูโรโซน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจาก ECB ต่างกำลังส่งผลกระทบต่อราคาคู่เงิน EURUSD อีกทั้ง ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดจากยูโรโซนยังแสดงให้เห็นถึงอัตราเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมไปถึงความเชื่อมั่นที่ผันผวน และสภาพการจ้างงานที่ซบเซา ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อยูโรอีกด้วย

GBPUSD ปรับตัวลง ขณะที่ USDJPY ขาดโมเมนตัม

คู่เงิน GBPUSD กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรที่น่าผิดหวัง โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อภาคบริการที่ชะลอตัว ท่ามกลางความกังวลใหม่เกี่ยวกับท่าทีของธนาคารกลางอังกฤษในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยผู้ร่วมตลาดยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของอังกฤษ และความสามารถของรัฐบาลใหม่ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ

ในอีกทางหนึ่ง การส่งออกของญี่ปุ่นในเดือนกันยายนปรับลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ซึ่งข้อมูลการค้าที่น่าผิดหวังนี้ ประกอบกับความคิดเห็นจากผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น Seiji Adachi กำลังช่วยหนุนราคาคู่เงิน USDJPY แม้ว่าคู่เงินเยนจะกำลังประสบปัญหาในการปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม

Antipodeans กำลังปรับตัว ขณะที่สินค้าโภคภัณฑ์ยังคงแนวโน้มเดิม

ดอลลาร์ออสเตรเลีย,ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และดอลลาร์แคนาดาแสดงถึงความยืดหยุ่นในการต้านทานความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐฯ โดยฟื้นตัวขึ้นจากการร่วงลงบางส่วน ในขณะที่สินค้าโภคภัณฑ์ยังคงแนวโน้มเดิม โดยเฉพาะ ราคาทองคำกำลังมุ่งหน้าสู่ระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ขณะที่ช่วงแนวโน้มขาลงของราคาน้ำมันดิบกำลังสูญเสียโมเมนตัม

ในช่วงต้นวัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่อยู่อาศัยของจีนและรองผู้ว่าการธนาคารประชาชนของจีน (PBoC) ได้พยายามเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับตลาดที่อยู่อาศัยโดยการประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการการผ่อนปรนสินเชื่อที่อยู่อาศัยและโครงการการขยายเมือง

อย่างไรก็ตาม รายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งจากออสเตรเลีย และการรายงานข่าวเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นภาคที่อยู่อาศัยของจีน ล้วนทำให้คู่เงิน AUDUSD ปรับตัวสูงขึ้น การพุ่งสูงขึ้นนี้เกิดขึ้นในขณะที่ช่วงแนวโน้มขาขึ้นดอลลาร์สหรัฐฯกำลังประสบปัญหาในการรักษาระดับก่อนการรายงานข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ และการประกาศอัตราดอกเบี้ยของ ECB

ทางด้านคู่เงิน NZDUSD กำลังปรับตัวตามการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินออสเตรเลีย ขณะที่ชะลอการร่วงลงในรอบสัปดาห์ แม้ว่าจะไม่มีปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญภายในประเทศ ในขณะที่ช่วงแนวโน้มขาขึ้นคู่เงิน USDCAD กำลังหยุดชะงัก เนื่องจากราคาน้ำมันดิบยังคงซบเซาที่ระดับต่ำสุดในรอบหลายวัน หลังจากมีการปรับลดลงในช่วงต้นสัปดาห์ ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ลดลงและอุปทานที่เพิ่มขึ้นในตลาดพลังงาน

โดยราคาทองคำได้ข้ามแนวต้านอายุสามสัปดาห์และมีแนวโน้มที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากนักเทรดมุ่งหวังหาความปลอดภัยจากสถานการณ์ความเสี่ยงในตลาด ซึ่งกระตุ้นให้ทองคำเป็นที่ต้องการในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ในขณะเดียวกันราคาทองคำไม่ตอบสนองต่อปัญหาในจีนและการแข็งค่าขึ้นล่าสุดของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบกำลังเผชิญกับความยากลำบากที่ระดับต่ำสุดในรอบ 12 วัน แม้ว่าจะมีการปรับลดลงอย่างไม่คาดคิดของปริมาณสินค้าคงคลังน้ำมันรายสัปดาห์ของ API ก็ตาม อย่างไรก็ดี ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ลดลงในตะวันออกกลาง, การคาดการณ์การเพิ่มอุปทานจาก OPEC+ และความต้องการที่ลดลงจากจีนยังคงความเชื่อมั่นทางฝั่งเทรนด์ขาลงในหมู่นักเทรด

สกุลเงินดิจิทัลยังคงแข็งแกร่ง

สกุลเงินดิจิทัลยังคงแข็งแกร่งเช่นเดียวกับทองคำ โดย Bitcoin (BTCUSD) และ Ethereum (ETHUSD) กำลังมองข้ามการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดในรอบสี่สัปดาห์ ซึ่งการพุ่งสูงขึ้นนี้ได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นเชิงบวกเกี่ยวกับการกำกับดูแลในอุตสาหกรรมหลังจากการเลือกตั้งในสหรัฐฯ และการไหลเข้าของเงินทุนอย่างมีนัยสำคัญเข้าสู่กองทุน ETFs

มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์เหล่านี้:

• น้ำมันดิบ WTI ช่วงแนวโน้มขาลงชะลอตัวที่ระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ แม้จะยังคงได้รับแรงกดดันเป็นวันที่ห้าติดต่อกันที่ประมาณ $70.50
• ทองคำ (Gold) ยังคงแนวโน้มขาขึ้นสามวัน ขณะที่แรงเทซื้อท้าทายระดับสูงสุดตลอดกาลที่ก่อนหน้านี้อยู่ที่ระดับประมาณ $2,685
• ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD INDEX) แกว่งตัวใกล้ระดับ 103.60 หลังจากพุ่งสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบสองเดือนในวันก่อนหน้า
• ตลาดหลักทรัพย์ Wall Street ปิดบวกเล็กน้อย แต่ ตลาดหุ้นในโซนเอเชียแปซิฟิก ปรับตัวลดลง ขณะที่ หุ้นในยุโรปและสหราชอาณาจักร ร่วงลงเล็กน้อย
• BTCUSD ปรับตัวลงเล็กน้อยที่ประมาณ $67,500 ขณะที่ ETHUSD พุ่งสูงขึ้น 1.0% ที่ประมาณ $2,630

ยูโรอาจไม่ได้รับแรงหนุนจาก ECB ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐฯอาจได้รับประโยชน์แทน

ถัดไป การประกาศอัตราดอกเบี้ยของ ECB จะเป็นเหตุการณ์สำคัญของวันนี้ โดยจะมีการเปิดเผยรายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐฯตามมาอย่างใกล้ชิด ซึ่งข้อมูลผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมรายเดือนของสหรัฐฯจะดึงดูดความสนใจจากนักเทรดรายวัน นอกจากนี้ ข้อมูลตัวเลข GDP การผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกจากจีน รวมถึงยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรและข้อมูลภาคที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ จะช่วยรักษาระดับโมเมนตัมของตลาดต่อไป

คาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง 0.25% ซึ่งอาจเป็นการสร้างแรงกดดันต่อคู่เงิน EURUSD และหนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯให้ขยับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ความสนใจหลักจะอยู่ที่แถลงการณ์จาก ECB และการแถลงข่าวของประธาน Christine Lagarde ขณะที่ฝั่งเทรนด์ขาลงยูโรจะจับตามองถึงสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อคู่สกุลเงินและเสริมความแข็งแกร่งให้กับดอลลาร์สหรัฐฯ

ทางฝั่งสหรัฐฯ ยอดค้าปลีกและข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆอาจช่วยสนับสนุนความหวังในการเข้าสู่สภาวะ 'soft landing' ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับช่วงแนวโน้มขาขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในอีกทางหนึ่งก็จะเป็นการท้าทายแรงเทซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่อาจส่งผลกระทบต่อสกุลเงินกลุ่ม Antipodean อย่างไรก็ตาม หากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯเป็นที่น่าผิดหวัง ปัจจัยนี้อาจส่งผลกระทบต่อดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้น และอาจกระตุ้นให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ ปัจจัยดังกล่าวยังช่วยยุติการปรับลดลงของสินค้าโภคภัณฑ์และสกุลเงินอื่นๆด้วยเช่นกัน

การคาดการณ์สำหรับสินทรัพย์หลัก

• คาดว่าจะฟื้นตัว: USDCAD, USDJPY, US Dollar, Silver
• มีแนวโน้มปรับลดลงต่อไป: AUDUSD, NZDUSD, GBPUSD
• คาดว่าจะเคลื่อนไหวในโหมด Sideways: BTCUSD, ETHUSD, Nasdaq, Gold, DJI30, USDCNH
• คาดว่าจะค่อยๆปรับลดลงและปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง: DAX, FTSE 100, EURUSD, Crude Oil

ขอให้คุณโชคดีในการเทรด!