ไม่นานมานี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีการขึ้นสุดลงสุดถึงหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงท้ายของชั่วโมงการซื้อขายก่อนวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งเป็นจังหวะหลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประจำคลีฟแลนด์แถลงการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่า 5% ไม่มีทีท่าว่าจะลดลง
ประธานกล่าวว่าการฟื้นฟูเสถียรภาพด้านราคายังคงเป็นงานหลักสำหรับสมาชิก FOMC ทุกคนที่กำหนดนโยบายการเงิน ในขณะเดียวกัน นักลงทุนหุ้นกำลังรอการปรับขึ้น 75 จุดพื้นฐานก่อนเวลาที่เหมาะสม
ก่อนหน้านี้ ดัชนี S&P 500 พุ่ง 1.4% พร้อมกับ Nasdaq Composite ที่ปิดทะลุ 4,000 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่วน DJI ก็ทะยานขึ้นไปเกือบ 400 จุด (ประมาณ 1.2%) ซึ่งเป็นการปิดสูงสุดในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
นักลงทุนเฝ้าจับตารายงานการประชุมของ FED ในเดือนพฤศจิกายนเพื่อหารือเกี่ยวกับเกณฑ์มาตรฐานของอัตราดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนเฝ้ารอที่จะเห็นว่า FED จะรักษาระดับนั้นไว้นานแค่ไหนเพื่อให้อัตราเงินเฟ้อกลับไปสู่เป้าหมาย 2% ตามที่ธนาคารกลางตั้งไว้
ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บางรายกลับไม่ได้คาดหวังว่ารายงานการประชุมของ FED จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมองว่าการประชุมครั้งนี้อาจไม่ได้ส่งผลร้ายต่อตลาดหุ้นอีกด้วย ทั้งนี้คำแถลงของเจ้าหน้าที่ FED ก็ไม่ได้ส่งผลต่อตลาดกองทุนมากนัก และให้ความสำคัญกับการหมดอายุของออปชันแทน ในขณะที่ขาลงของตลาดตราสารหนี้และสกุลเงินเริ่มชะลอตัว
อย่างไรก็แล้วแต่ เราไม่สามารถคาดหวังได้ว่าตลาดจะเป็น Uptrend อย่างต่อเนื่อง ฉะนั้น จะเป็นการดีกว่าที่จะมุ่งเน้นการลงทุนในระยะยาวและรอจนกว่าสถานการณ์จะชัดเจนมากยิ่งขึ้น