ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดบางคนเชื่อว่า ยิ่ง FED รอนานเท่าใด โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดทางนโยบายที่ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แม้ตลาดทองคำกำลังอยู่ในสภาวะที่มีความผันผวนสูงเนื่องจากความคาดหวังเกี่ยวกับการเริ่มต้นวงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯยังคงถูกเลื่อนออกไป แต่ราคาทองคำยังคงค่อนข้างแข็งแกร่ง
เมื่อธนาคารกลางทั่วโลก นำโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ประกาศความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ คาดว่าความสนใจของนักลงทุนในตลาดจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญมีการคาดการณ์ว่าราคาพันธบัตรจะปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลงหากตลาดทองคำฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม ด้วยความเสี่ยงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะเกิดข้อผิดพลาดด้านนโยบาย อาจส่งผลกระทบเชิงบวกต่อราคาทองคำมากขึ้น
เนื่องจาก FED ให้ความสำคัญกับความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อด้านอุปทานมากเกินไป ดังนั้นตลาดจึงประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจได้ดีกว่า FED เล็กน้อย ซึ่งการเหยียบเบรกบนเศรษฐกิจที่แรงและนานเกินไปของ FED อาจส่งผลลบต่อทิศทางเชิงบวกของเศรษฐกิจได้
ถึงแม้ว่ามุมมองระยะกลางและระยะยาวของนักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้ออาจมีความผันผวน แต่ทองคำก็ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจมากขึ้นเช่นกัน โดยผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าจีนมีแนวโน้มที่จะต้องลดการส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำ
ทั้งนี้ เพื่อพยุงเศรษฐกิจ จีนจึงจำเป็นต้องดำเนินการกับแผงโซลาร์เซลล์และรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมหาศาลที่ผลิตออกมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คาดว่าการลดปริมาณสินค้าราคาถูกจำนวนมากของจีนอาจจะส่งผลให้การเกิดภาวะเงินฝืดทั่วโลกนั้นสูงขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐอเมริกาก็อาจส่งผลให้เกิดภาวะเงินฝืดด้วยเช่นกัน ธนาคารกลางสหรัฐฯยังมีช่องว่างมากพอที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในสถานการณ์เช่นนี้ แต่อัตราเงินเฟ้อยังคงเป็นความเสี่ยงในระยะยาว เนื่องจากหนี้สินของประเทศยังคงเพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงการทวนกระแสโลกาภิวัตน์ (de-globalization) ที่กำลังเติบโตขึ้น
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด !