ตลาดมีความผันผวนสูง ขณะที่นักลงทุนต่างเตรียมตัวเข้าสู่ช่วงวันหยุดคริสต์มาส โดยปัจจัยที่หนุนการที่ตลาดไม่มีความเคลื่อนไหวมากนักคือ ท่าทีระมัดระวังของนักลงทุนก่อนการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลหลัก (PCE) ของสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายน ยิ่งไปกว่านั้น ความกังวลทางภูมิรัฐศาสตร์และข้อมูลเศรษฐกิจในสหราชอาณาจักรที่ไม่ชัดเจนยังจะจำกัดความสามารถในการซื้อขายของเทรดเดอร์อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ Santa Rally บน Wall Street จึงทำให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรกระทรวงการคลังยังปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบห้าเดือน เป็นผลให้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมและยังช่วยให้ราคาทองคำฟื้นตัวที่จุดสูงสุดในรอบสามสัปดาห์
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันมีความผันผวนระหว่างวัน โดยราคาเริ่มต้นด้วยการร่วงลงไปที่ $72.40 แต่ภายหลังก็กลับมาปิดตลาดใกล้เคียงกับราคาเปิด เนื่องจากแองโกลาประกาศออกจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) อย่างกะทันหัน โดยส่วนใหญ่เป็นการแสดงการประท้วงต่อต้าน ระบบโควต้า และเป็นที่น่าสังเกตว่าการที่แองโกลาออกจากกลุ่มพันธมิตรน้ำมันกระตุ้นให้เกิดความหวังในการเพิ่มผลผลิตมากขึ้นและยังดึงดูดช่วงแนวโน้มขาลง ขณะที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในทะเลแดงและตะวันออกกลางยังกระตุ้นแรงเทขายเช่นกัน
ในอีกทางหนึ่ง คู่เงิน EURUSD ขยับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ คู่เงิน GBPUSD พยายามรักษาระดับจากตัวเลขยอดค้าปลีกที่ปรับตัวดีขึ้นและข้อมูล GDP ที่อ่อนตัวลง นอกจากนี้ คู่เงิน USDJPY ดูเหมือนจะยังไม่มีความเคลื่อนไหว โดยคู่เงิน AUDUSD ร่วงลงมากที่สุดในบรรดาคู่สกุลเงิน G10
ทั้งนี้ BTCUSD ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหว ขณะที่ ETHUSD แสดงให้เห็นถึงความต้องการของนักลงทุนสำหรับ Altcoins
มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์เหล่านี้:
การเพิ่มขึ้นของโอกาสที่จะได้เห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในปี 2024 โดยได้รับการสนับสนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานในวันพฤหัสบดี ทำให้เกิดแรงกดดันด้านลบต่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลให้สินค้าโภคภัณฑ์ขยับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ยังไม่ดึงดูดโมเมนตัมของนักลงทุนมากนัก สืบเนื่องมาจากนักลงทุนต่างมีท่าทีระมัดระวังก่อนการรายงานข้อมูล/เหตุการณ์สำคัญ รวมไปถึงการมีพาดหัวข่าวทางภูมิศาสตร์การเมืองที่ผันผวน
เมื่อพูดถึงการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา การรายงานขั้นสุดท้ายของไตรมาสที่สามของสหรัฐฯ (Q3) อย่าง ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ลดลงต่ำกว่าการคาดการณ์เบื้องต้นที่ 5.2% เป็น 4.9% ในขณะที่ดัชนีราคา GDP ก็อ่อนตัวลงจาก 3.5% เป็น 3.3%
นอกจากนี้ ราคาค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ยังลดลงเหลือ 2.6% QoQ สำหรับไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับการประมาณการก่อนหน้านี้ที่ 2.8% อีกทั้ง Core PCE ลดลงเหลือ 2.0% QoQ สำหรับช่วงเวลาดังกล่าว เมื่อเทียบกับการคาดการณ์เบื้องต้นที่ 2.3%
ยิ่งไปกว่านั้น ดัชนีภาคการผลิตของ Fed ในฟิลาเดลเฟียแตะระดับต่ำสุดในรอบสามเดือนที่ -10.5 เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ที่ -3.0 และการรายงานก่อนหน้าที่ -5.9 อีกทางด้านหนึ่ง จำนวนผู้ขอรับสิทธิว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 ธันวาคม 2023 เพิ่มขึ้นไปที่ 205K โดยเพิ่มขึ้นจาก 203K ในสัปดาห์ก่อนหน้า (ตัวเลขปรับปรุงจาก 202K ) โดยตัวเลข 205K นี้ ต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะมีผู้ขอรับสิทธิว่างงานครั้งแรกที่ 215K
ในอีกทางหนึ่ง ธนาคารกลางจีน (PBoC) ออกแถลงการณ์อ้างอิงคำพูดของผู้ว่าการ Pan Gongsheng เพื่อปกป้องมาตรการในการควบคุมการเติบโตของสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งการควบคุมสินเชื่อดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า ธนาคารกลางจีนยังคงมีสภาพคล่องทางการเงินที่เพียงพอ
ก่อนหน้านี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคแห่งชาติของญี่ปุ่น (CPI) ประจำเดือนพฤศจิกายน ลดลงเหลือ 2.8% จาก 3.3% ในขณะที่ดัชนี CPI แห่งชาติไม่รวมอาหารและพลังงานก็ปรับตัวลงเป็น 3.8% YoY เมื่อเทียบกับ 4.0% ของการรายงานก่อนหน้า นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BoJ) ยังเผยแพร่รายงานการประชุมนโยบายการเงินครั้งล่าสุด ซึ่งยืนยันข้อตกลงของสมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินเกี่ยวกับความจำเป็นในการรักษานโยบายที่ผ่อนคลายในปัจจุบันต่อไปอย่างอดทน
นอกจากนั้น ยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรในเดือนพฤศจิกายนมีตัวเลขที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่การเติบโตของ GDP ก็ยังคงลดต่ำลงซึ่งเป็นการสนับสนุนข้อเรียกร้องที่ให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในปี 2024 โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยของอังกฤษ ซึ่งสถานการณ์นี้เมื่อรวมกับสภาวะทรงตัวล่าสุดของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะกระตุ้นแรงเทซื้อ GBPUSD ต่อไป
ต่อไป ดัชนีราคา PCE หลักของสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งคาดว่าจะปรับลดลงที่ 3.3% YoY จากการรายงานก่อนหน้าที่ 3.5% จะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดเพื่อพิจารณาความเคลื่อนไหวระหว่างวันของตลาด หากข้อมูลที่มีกำหนดการเผยแพร่ไว้ตรงกับการคาดการณ์ที่เป็นขาลง หรือมีการปรับลดลงต่อไปอีก ดอลลาร์สหรัฐฯอาจจะแตะจุดต่ำสุดในรอบหลายเดือนอีกครั้ง และเป็นผลให้สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงพุ่งสูงขึ้นต่อไป นอกเหนือไปจากดัชนีราคา PCE หลักของสหรัฐฯแล้ว ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและยอดขายบ้านใหม่ในเดือนดังกล่าวก็มีความสำคัญต่อทิศทางระหว่างวันด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีการรายงานตัวเลข GDP ของแคนาดาประจำเดือนตุลาคมอีกด้วย
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด !