ภาวะการพร้อมรับความเสี่ยงยังคงไม่ชัดเจนนักในช่วงเช้าวันจันทร์ โดยมีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากเทรดเดอร์ยังคงคาดหวังถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ของ Fed ในเดือนกันยายน ความเชื่อมั่นเชิงบวกนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากการรายงานข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากจีนและการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯปฏิเสธความกังวลด้านการเงิน อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังคงมีความระมัดระวัง ซึ่งเป็นผลมาจากการรายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่กำลังจะมาถึงในสัปดาห์นี้ ประกอบกับข่าวสารเชิงลบจากจีน รัสเซีย และตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อจากจีนเป็นที่น่าผิดหวัง
ความสนใจล่าสุดมุ่งเน้นไปที่รายงานการจ้างงานของสหรัฐฯประจำเดือนสิงหาคมในวันศุกร์ และความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่การปรับลดลงของอัตราการว่างงานและการเติบโตของค่าจ้างที่แข็งแกร่ง ประกอบกับการที่เจ้าหน้าที่ Fed ต่อต้านการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ยังช่วยให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯปิดตลาดในแดนบวก แม้ว่าจะปรับลดลงในรอบสัปดาห์ก็ตาม
นอกจากนี้ มุมมองเชิงบวกต่อสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯจากรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ Janet Yellen และข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงของจีนในวันจันทร์ ก็ยังสนับสนุนการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยของดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) อีกด้วย
ในขณะที่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนพุ่งสูงขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน แต่ยังคงต่ำกว่าการคาดการณ์ โดยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ร่วงลงเป็นเดือนที่ 23 ติดต่อกัน และปรับลดลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
คำเตือนจากเยอรมนีเกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นของรัสเซียต่อประเทศนาโต้ (NATO) และสหภาพยุโรป รวมไปถึงปัญหาที่ยังคงดำเนินอยู่ในตะวันออกกลางและความตึงเครียดทางการค้าระหว่างปักกิ่งและตะวันตก ได้เพิ่มความระมัดระวังในตลาด ซึ่งยังเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
สรุปภาพรวม ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ยังคงรักษาระดับการปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงวันศุกร์และส่งผลกระทบต่อสินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงินกลุ่ม Antipodean และสกุลเงินหลักอื่นๆ
แม้ว่าการอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐฯ จะช่วยให้คู่เงิน EURUSD ปรับตัวสูงขึ้นในรอบสัปดาห์ แต่หลังจากนั้นคู่สกุลเงินหลักนี้ยังขาดโมเมนตัมขาขึ้น ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศส่วนใหญ่ที่ไม่ค่อยดีนัก อย่างไรก็ตาม การประกาศข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีที่อ่อนตัวลง การเติบโตของ GDP ไตรมาสที่ 2 ของยูโรโซน และแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก่อนการประกาศนโยบายการเงินในวันพฤหัสบดี ล้วนส่งผลกระทบต่อคู่เงินยูโรในเวลาต่อมา
ในขณะเดียวกัน รายงานรายเดือนจาก Recruitment and Employment Confederation (REC) และ KPMG แสดงให้เห็นการชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญของตลาดแรงงานสหราชอาณาจักรในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อราคาคู่เงิน GBPUSD
คู่เงิน USDJPY กำลังดีดตัวกลับจากจุดต่ำสุดในรอบเดือน โดยยุติแนวโน้มขาลงสี่วัน ขณะที่เทรดเดอร์เตรียมพร้อมสำหรับข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่น Hayashi ได้ระบุว่า ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) Kazuo Ueda ได้ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 2 ของญี่ปุ่นที่อ่อนตัวลงและการฟื้นตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนการประกาศข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯในวันพุธและการประชุม FOMC ในสัปดาห์หน้า ได้กระตุ้นการฟื้นตัวของคู่เงิน USDJPY จากระดับแนวรับสำคัญตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023
คู่เงิน AUDUSD และคู่เงิน NZDUSD ขยายการร่วงลงจากช่วงสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงจากจีน ประกอบกับความกังวลทางเศรษฐกิจในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และการฟื้นตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่ผันผวนในตลาด
นอกจากนี้ คู่เงิน USDCAD มีการปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบสัปดาห์ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม โดยเป็นผลมาจากข้อมูลการจ้างงานของแคนาดาที่น่าผิดหวัง และราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกหลักของแคนาดา
ราคาน้ำมันดิบ WTI ประสบกับการร่วงลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม 2023 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากรายงานที่ระบุว่า OPEC+ อาจเพิ่มกำลังการผลิตในปีหน้าตามข้อมูลจาก S&P Global ในขณะที่ ความกังวลเกี่ยวกับความต้องการน้ำมันที่ลดลงจากจีนก็ส่งผลกระทบต่อตลาดด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางและความกังวลเกี่ยวกับพายุเฮอริเคนในอ่าวเม็กซิโกยังช่วยให้ราคาน้ำมันฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023
ราคาทองคำทรงตัวหลังจากปรับลดลงในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอยู่ใกล้กับระดับ $2,500 ภายในกรอบการซื้อขายสามสัปดาห์ โดยเทรดเดอร์พบว่าเป็นเรื่องยากที่จะได้รับประโยชน์จากดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลง โดยเฉพาะเมื่อจีนหยุดการซื้อทองคำตั้งแต่เดือนพฤษภาคม นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ของ Fed ในปี 2024 ที่ลดลง และบรรยากาศการซื้อขายที่มีความระมัดระวังก่อนการประกาศข้อมูลดัชนี CPI ของสหรัฐฯและการประกาศนโยบายการเงินของ ECB ยังส่งผลกระทบต่อตลาดทองคำ อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาทองคำที่ยังคงอยู่ใกล้กับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ความเสี่ยงที่ราคาจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วยังคงมีอยู่มาก
สกุลเงินดิจิทัลกำลังติดตามแนวโน้มของสินค้าโภคภัณฑ์และสกุลเงินสกุล Antipodean โดยไม่สามารถได้รับประโยชน์จากการอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางความไม่แน่นอนในตลาด ราคาของ BTCUSD และ ETHUSD ต่างกำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากรายงานที่ระบุว่าสภาพคล่องในตลาดนั้นมีการปรับลดลง และความกังวลเกี่ยวกับกฎระเบียบที่อาจเกิดขึ้นจากสหรัฐฯหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน
การงดการแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะของเจ้าหน้าที่ Fed หรือที่เรียกว่าช่วง “blackout” เป็นเวลาสองสัปดาห์อาจทำให้โมเมนตัมของตลาดชะลอตัวลงก่อนการประกาศนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดัชนี CPI จากสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ พร้อมกับการประกาศนโยบายการเงินของ ECB จะส่งผลให้เทรดเดอร์ที่อาศัยโมเมนตัมในการเทรดยังคงมีความเคลื่อนไหว นอกจากนี้ รายงานตัวเลข GDP ของสหราชอาณาจักร การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจรายเดือน และการดีเบตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่กำลังจะมาถึงก็จะมีความสำคัญด้วยเช่นกัน
หลังจากที่ตัวเลขรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯมีการปรับลดลง ข้อมูลดัชนี CPI ของสหรัฐฯในวันพุธนี้จะมีความสำคัญในการกำหนดความเป็นไปได้ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี 2024 โดยมีการปรับลด 0.25% อยู่แล้วสำหรับเดือนกันยายน ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับตัวลง Fed อาจจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมหลังจากเดือนกันยายน ซึ่งอาจเป็นผลให้ดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงและส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
ในอีกทางหนึ่ง ปัญหาเศรษฐกิจในยูโรโซนและสหราชอาณาจักรอาจส่งผลกระทบต่อแรงเทซื้อคู่เงิน EURUSD และคู่เงิน GBPUSD ในขณะเดียวกัน คู่เงิน USDJPY อาจยังคงมีแนวโน้มขาลงต่อไป สำหรับสกุลเงินกลุ่ม Antipodeans และคู่เงิน USDCAD ถูกกดดันจากปัญหาเศรษฐกิจในจีน เว้นแต่ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯจะปรับลดลงอย่างมาก ขณะที่หุ้นขาดโมเมนตัมขาขึ้น และคาดการณ์ว่าคริปโทเคอร์เรนซีจะยังคงได้รับแรงกดดัน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับกฎระเบียบใหม่และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด!