น้ำมันดิบร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5.5 เดือน ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐฯฟื้นตัวก่อนรายงานการประชุม FOMC

ตลาดยังคงผันผวน ขณะที่นักลงทุนต่างกำลังรอการประกาศนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยการรายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่มีความผันผวนในวันก่อนหน้ายังทำให้เกิดความวิตกกังวลมากขึ้น ทั้งนี้ ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และสถานการณ์ในจีนเป็นผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐนั้นแข็งค่าขึ้น แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรกระทรวงการคลังจะตกต่ำลงก็ตาม

เมื่อพิจารณาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้น ราคาทองคำจึงร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ซึ่งเป็นการปรับลดลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนเช่นกัน นอกจากนี้ คู่เงิน AUDUSD ยังร่วงลงมากที่สุดในบรรดาคู่สกุลเงิน G10 ตามมาด้วยคู่เงิน NZDUSD ส่วนทางด้าน คู่เงิน EURUSD ยังคงถูกกดดันเนื่องจาก ECB มีการพูดคุยถึงการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ในขณะที่ คู่เงิน GBPUSD ยังคงได้รับผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรที่ถดถอยลง

อีกทางด้านหนึ่ง ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดตลาดในแดนบวกและช่วยให้ฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯขยับตัวสูงขึ้น ถึงกระนั้น หุ้นในเขตเอเชียแปซิฟิกก็ได้ปรับตัวลดลงท่ามกลางการขาดความเชื่อมั่นในการมองโลกในแง่ดีของผู้กำหนดนโยบายจากจีนและข้อมูลเศรษฐกิจที่มีความผันผวนจากอินเดีย ทั้งนี้ ความหวังในการมีแรงกดดันทางราคาที่แข็งแกร่งในประเทศญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ยังเป็นปัจจัยที่กระตุ้นสภาวะการพร้อมรับความเสี่ยงอีกด้วย

ทางฝั่งของ BTCUSD และ ETHUSD ยังคงร่วงลง ท่ามกลางความเชื่อมั่นในตลาดคริปโตที่ปรับลดลงก่อนที่จะมีการอนุมัติ spot ETF

มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์เหล่านี้:

• น้ำมันเบรนท์ (Brent) ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ส่งผลให้ราคายังคงร่วงลงอย่างหนักจากวันก่อนหน้าไปที่ $72.80
• ทองคำ (Gold) ราคาทองคำฟื้นตัวที่ระดับต่ำสุดในรอบสามสัปดาห์ โดยยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจนที่ราวๆ $1,980
• ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD INDEX) พลิกกลับการร่วงลงรายวันครั้งแรกในรอบสามวันโดยพุ่งสูงขึ้นเล็กน้อยไปที่ประมาณ 104.00
• ตลาดหลักทรัพย์ Wall Street ปิดบวก หุ้นในโซนเอเชียแปซิฟิก ปรับตัวลดลง ขณะที่ หุ้นในยุโรปและสหราชอาณาจักร ยังคงไม่มีทิศทางที่ชัดเจน
• BTCUSD และ ETHUSD ร่วงลงเล็กน้อยที่ประมาณ $41,000 และ $2,170 ตามลำดับ

ดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นก่อนการแถลงการณ์ของ Fed ...

ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) มีราคาเสนอซื้อเป็นบวกโดยพลิกกลับจากการดึงกลับของวันก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบสามวัน ขณะที่ข้อมูลค่าดัชนี CPI ของสหรัฐฯพยายามที่จะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed อย่างไรก็ตาม มาตรวัดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ตรงกับการคาดการณ์ของตลาดด้วยตัวเลขที่ 0.1% MoM และ 3.1% YoY เมื่อเทียบกับ 0.0% และ 3.2% ตามลำดับ นอกจากนี้ ตัวเลขค่าดัชนี CPI อย่างเช่น อาหาร & พลังงาน หรือที่รู้จักในชื่อ Core CPI ยังได้พิสูจน์แล้วว่าการประมาณการของนักวิเคราะห์ด้วยตัวเลข 0.3% ต่อเดือนและ 4.0% ต่อปีนั้นถูกต้อง เมื่อเทียบกับการรายงานก่อนหน้าที่ 0.2% และ 4.0% ตามลำดับ อีกทั้ง รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจจาก NFIB ของสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายนส่วนใหญ่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 90.6 จาก 90.7 ของการรายงานก่อนหน้า ในขณะที่การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางเพิ่มสูงขึ้นเป็น 314 พันล้านดอลลาร์ในเดือนดังกล่าว เมื่อเทียบกับตัวเลขที่รายงานในเดือนตุลาคมที่ 301 พันล้านดอลลาร์

ไม่เพียงแต่ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีความผันผวน แต่ความคิดเห็นจากรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ Janet Yellen ยังหนุนนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของ Fed ซึ่งส่งผลกระทบต่อดอลลาร์สหรัฐฯอีกด้วย และอดีตประธาน Fed Yellen ได้มีการพูดคุยกับ Nick Timiraos หัวหน้าทีมข่าวเศรษฐกิจหรือที่ได้รับฉายาว่า Fed watcher ของ Wall Street Journal (WSJ) โดยกล่าวว่าเธอไม่เห็นเหตุผลที่ดีที่จะคิดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจช่วงท้ายปีจะยากลำบากเป็นพิเศษ

ในอีกทางหนึ่ง เจ้าหน้าที่ของ Houthi ได้ออกมาเตือนว่า “เรือที่แล่นผ่านทะเลแดงอย่าปิดสัญญาณวิทยุและให้ตอบสนองต่อคำสั่งจาก Houthi อย่างรวดเร็ว” ซึ่งในอีกแง่หนึ่งสถานการณ์นี้ได้ขยายความเลวร้ายของปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ของตลาดและพยุงระดับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงปลายวันอังคารนี้

นอกจากนี้ การประชุม Central Economic Work Conference ประจำปีของจีนได้เสร็จสิ้นลงแล้ว และประเด็นสำคัญของการประชุมคือ การที่ผู้กำหนดนโยบายผลักดันให้เกิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น รวมไปถึงความเชื่อมั่นที่เกี่ยวข้องกับการได้เห็นตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น ในขณะเดียวกัน ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์การเติบโตของจีนในปี 2023 เป็น 5.2% เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 4.9% และรักษาการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2024 ที่ 4.5% ไว้เหมือนเดิม นอกจากนี้ Han Wenxiu รองหัวหน้าสำนักงานการเงินและเศรษฐกิจของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) ยังแสดงทัศนคติเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอีกด้วย

และเป็นที่น่าสังเกตว่าผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) Francois Villeroy de Galhau มีท่าทีสนับสนุนนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ขณะออกมากล่าวเมื่อวันอังคารว่าอัตราเงินเฟ้อที่ปรับลดลงไปที่ 2.4% จาก 10.6% นั้นน่าประทับใจ นอกจากนี้ สถิติของสหราชอาณาจักรในเดือนพฤศจิกายนยังกระตุ้นให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอังกฤษอีกด้วย ขณะที่สัญญาณเงินเฟ้อจากญี่ปุ่นและออสเตรเลียยังบอกเป็นนัยถึงความจำเป็นในการปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น แม้ว่าความคิดเห็นล่าสุดจากผู้กำหนดนโยบายจะยังไม่มีความชัดเจนก็ตาม

• สัญญาณซื้อแรง: USDCAD
• สัญญาณขายแรง: ETHUSD, GBPUSD, Gold
• สัญญาณซื้อ: USD Index, Nasdaq, USDJPY
• สัญญาณขาย: DAX, FTSE 100, BTCUSD, AUDUSD, EURUSD

FOMC dot-plot คือกุญแจสำคัญ...

การรายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่มีความผันผวนเมื่อเร็วๆนี้ และการประชุมของ Fed ทำให้การคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในต้นปี 2024 ชะลอตัวลง ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการตลาดเสรีกลาง (FOMC) จึงได้รับการคาดหวังเป็นส่วนใหญ่ว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะเดียวกันก็รักษาระดับอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูงตามแนวทาง “higher for longer” ซึ่งสถานการณ์นี้จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ท่าทีที่ไม่ชัดเจนของประธาน Fed Jerome Powell ในการคงนโยบายการเงินที่เข้มงวดและ dot-plot ที่แสดงให้เห็นว่าอาจจะมีโอกาสที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเกือบ 120 pip ในช่วงปี 2024 อาจทำให้ดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นได้ด้วยเช่นกัน

ก่อนการแถลงการณ์ของ Fed ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ (PPI) และการผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนจะกระตุ้นโมเมนตัมนักลงทุนในตลาดอีกด้วย

ขอให้คุณโชคดีในการเทรด !