เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีทที่พลิกปิดบวก, การคลายความกังวลสถานการณ์โควิดในจีน และการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกฟื้นตัวก่อนการประชุมของคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ที่กำลังจะเกิดขึ้น
เมื่อนักลงทุนเริ่มกล้ารับความเสี่ยงมากขึ้น อีกทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ชะลอตัว ส่งผลกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และหนุนให้ราคาทองคำและน้ำมันปรับตัวขึ้น ขณะที่น้ำมันเบรนท์ (Brent) พุ่ง 2.30% วันนี้ แต่ราคายังคงลบ 10.0% ในกรอบเวลา (Timeframe) รายสัปดาห์
กลับมาที่ข่าวดีของดัชนี Nasdaq, Euro Stoxx 50 และ DAX ที่ฟื้นตัวขึ้นกว่า 2.0% วันนี้ ขณะที่ FTSE 100 บวกประมาณ 1.0% ณ เวลาล่าสุด ในส่วนของตลาดเอเชีย-แปซิฟิก ดัชนีฮั่งเส็ง (Hang Sang) พุ่งทะล 9.0% ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนดันให้ดัชนีรวมรายวันปรับตัวขึ้น 4.0% ส่วน Nikkei 225 และ ASX 200 ก็มีการฟื้นตัวขึ้น 1.0%
ในฟากของคริปโตฯ ก็ปรับตัวดีขึ้นจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง รวมถึงข่าวที่ว่า Instagram เล็งที่จะเพิ่มฟีเจอร์ NFT เร็วๆ นี้
และนี่คือความเคลื่อนไหวของสินทรัพย์หลักในวันที่ 16 มี.ค. นี้:
การเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นได้รับอานิสงค์มาจากราคาน้ำมันและพันธบัตรสหรัฐที่อ่อนค่าลงในระหว่างรอบการเทรดของสหรัฐในวันอังคารที่ผ่านมา สังเกตได้จากดัชนี Nasdaq ที่ปรับบวก 3.0% โดยมีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นปัจจัยหนุนสำคัญ
ตลาดที่ปรับตัวขึ้นยังได้รับอานิสงค์จากสถานการณ์ยูเครนที่มีวี่แววว่าจะคลี่คลายจากการเจรจาสันติภาพอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์โควิดในจีนที่มีความรุนแรงน้อยลง นอกจากนี้ ยังมีตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ของญี่ปุ่นที่ออกมาดีเกินคาด รวมถึงสัญญาณการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรม จากการสำรวจของ Reuters Tankan ญี่ปุ่น อีกทั้งความพร้อมของคณะกรรมการนโยบายการเงินจีนที่เริ่มมีความพร้อมในการรับมือกับการเติบโตของเศรษฐกิจที่ส่งผลบวกต่อตลาดในโซนเอเชีย-แปซิฟิก
ตลาดหุ้นยุโรปก็สร้างความประหลาดใจไม่น้อย ถึงแม้จะยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าวิกฤตยูเครนจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อไป
แน่นอนว่าการยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้นส่งผลต่อ USD เต็มๆ ก่อนการแถลงของ Fed ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งทำให้ราคาทองคำและน้ำมันกลับมาได้เปรียบอีกครั้ง ขณะที่ตลาดพลังงานก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เริ่มคลี่คลายในจีน และการประกาศของ OPEC/IEA ที่ส่งผลให้พลังงานอยู่ในขาลงมาเป็นวันที่ 2
แม้จะมีแรงกระเพื่อมเทขายของรายใหญ่ (Whale) ที่ส่งผลให้ BTC และ ETH ย่อลงไปยังระดับ Low เดิมในรอบปี แต่มูลค่าได้ปรับตัวขึ้น ขณะที่ SHIB เองก็ได้รับอานิสงค์จากการเผาเหรียญจำนวนมหาศาล
คาดว่าสภาวะตลาดโดยรวมจะยังคงอยู่ในเกณฑ์บวก ถึงแม้ Fed มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% หาก FOMC เน้นย้ำว่าจะยังไม่เร่งการใช้นโยบายหดตัวและการทำให้งบดุลของธนาคารกลางเข้าสู่ภาวะปกติ (Balance-sheet normalization) ที่สำคัญ นักลงทุนจะต้องเฝ้าติดตามถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ซึ่งมีความสำคัญต่อตลาดเช่นกัน
แต่หากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.50% และมีสัญญาณหนุนอื่นๆ ก็อาจดันให้มูลค่ายีลด์สหรัฐฟื้นตัวกลับขึ้นไปแตะระดับ High เดิมในรอบหลายเดือนเช่นเดียวกับเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้อีกครั้ง และอาจส่งผลกดดันต่อกองทุนสหรัฐ รวมถึงกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
นอกจาก Fed ยังมีประเด็นสถานการณ์โควิดในจีนที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และแน่นอนที่ยังต้องให้ความสนใจคือการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงมีผลชัดเจนต่อมุมมองและทิศทางของตลาดในขณะนี้
เทรดสินทรัพย์หลักกับโบรกเกอร์อันดับ 1 ในเอเชียในจังหวะที่ตลาดอยู่ในสภาวะผันผวน เราพร้อมมอบเงื่อนไขการเทรดที่เอื้อในการทำกำไรแก่นักลงทุนทุกท่าน อีกทั้งยังมีบริการ Copy Trade ที่เปี่ยมคุณภาพ การันตีด้วยรางวัลโปรแกรม IB ที่ยอดเยี่ยมมานับไม่ถ้วน
ขอให้คุณโชคดีในการซื้อขาย!