ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯได้เปิดฉากสงครามภาษีที่มีการพูดถึงมายาวนานกับแคนาดา เม็กซิโก และจีนอย่างเป็นทางการ โดยได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อกำหนดอัตราภาษีในระดับสูงกับคู่ค้ารายสำคัญเหล่านี้ ซึ่งการเคลื่อนไหวเชิงรุกนี้ได้จุดกระแสความกังวลในตลาด ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นในช่วงเช้าวันจันทร์ ส่งผลให้สกุลเงินหลักและสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก แม้จะมีข่าวสารเชิงบวกจากจีน รวมถึงการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตของ Caixin ที่ปรับตัวดีขึ้นหลังวันหยุดยาวหนึ่งสัปดาห์ก็ตาม ที่น่าสนก็ใจคือ ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น ราคาคริปโทเคอร์เรนซีกลับดิ่งลงอย่างหนัก โดยขณะนี้นักลงทุนกำลังจับตามองสัญญาณการตอบโต้จากแคนาดา เม็กซิโก และจีน โดยเฉพาะก่อนการพูดคุยกันระหว่างทรัมป์กับผู้นำของประเทศเหล่านั้น
นอกเหนือไปจากภาวะการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในตลาดที่เกิดจากสงครามภาษีแล้ว การรายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ และรายงานการจ้างงานที่มีทิศทางเป็นบวกเมื่อวันศุกร์ยังได้หนุนการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจชะลอหรือแม้กระทั่งยุติการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2025 ซึ่งปัจจัยนี้ยังช่วยให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง และสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมต่อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างเช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงินกลุ่ม Antipodean และสกุลเงินดิจิทัล
การประกาศจากประธานาธิบดีทรัมป์ เรื่องการจัดเก็บภาษีศุลกากรกับจีน แคนาดา และเม็กซิโก รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะดำเนินมาตรการภาษีกับยุโรปและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ยิ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้ามากขึ้น ในขณะที่ถ้อยแถลงเชิงสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังได้กดดันให้คู่เงิน EURUSD ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสามสัปดาห์ ในทำนองเดียวกัน คู่เงิน GBPUSD เผชิญแรงกดดันจากดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งแกร่ง และความกังวลเรื่องสงครามการค้าที่ยังดำเนินอยู่ แม้จะไม่มีการรายงานข่าวสำคัญจากสหราชอาณาจักรก็ตาม
ในขณะเดียวกัน คู่เงิน USDJPY กลับไม่ได้รับประโยชน์จากพฤติกรรมการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงตามปกติในตลาด แม้ว่าสกุลเงินเยนของญี่ปุ่นจะมีสถานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยตามธรรมเนียม และมีรายงานการประชุมประจำเดือนมกราคมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ที่มีแนวโน้มเชิงเข้มงวดการดำเนินนโยบายการเงินก็ตาม ทั้งนี้ แม้คู่เงิน USDJPY จะขยายการฟื้นตัวจากช่วงวันศุกร์ แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างแรงผลักดันเชิงบวกได้อย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา
การกลับมาของจีนหลังช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน พร้อมกับการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตของ Caixin ที่อยู่เหนือระดับ 50.0 กลับไม่สามารถป้องกันการร่วงลงของสกุลเงินของประเทศคู่ค้ารายสำคัญอย่างออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดาได้ ในบรรดาสกุลเงิน G10 คู่เงิน NZDUSD ร่วงลงหนักที่สุดท่ามกลางความกังวลทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ คู่เงิน AUDUSD ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวชี้วัดความเสี่ยงก็ร่วงลงเช่นกัน แม้จะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของออสเตรเลียที่ผสมผสานทั้งด้านบวกและลบก็ตาม
ในขณะเดียวกัน คู่เงิน USDCAD พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2003 โดยปรับตัวขึ้นกว่า 1% ในระหว่างวัน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของแคนาดา และการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางแคนาดา (BoC) การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นแม้ว่าราคาน้ำมันดิบ — ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของแคนาดา — จะพุ่งสูงขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของคู่เงิน Loonie ต่อการเคลื่อนไหวของตลาดในวงกว้าง
แม้ตลาดจะเกิดกระแสการเข้าลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ราคาทองคำกลับยังขาดแรงผลักดันและปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบสามวัน โดยแถลงการณ์ที่มีแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดจาก Fed ประกอบกับความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บริโภคทองคำรายใหญ่นั้น ได้กดดันความต้องการโลหะมีค่านี้ อีกทั้งยังเป็นการปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดตลอดกาลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนกำลังจับตามองความคืบหน้าทางการเมือง และรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ของสหรัฐฯที่จะมีการรายงานในเร็วๆนี้
ในขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบยังคงสวนทางกับแนวโน้มตลาดโดยรวม โดยขยายการพุ่งสูงขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สาม และปรับตัวขึ้นมากกว่า 1% ภายในวัน การพุ่งสูงขึ้นนี้เกิดขึ้นก่อนการประชุมคณะกรรมการ Joint OPEC/non-OPEC Ministerial Monitoring Committee (JMMC) ในวันนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันสะท้อนถึงความกังวลของตลาดเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการหยุดชะงักในห่วงโซ่อุปทานเนื่องจากสงครามการค้า ซึ่งอาจขัดขวางการไหลเวียนของพลังงานในตลาด โดยเฉพาะในขณะที่ OPEC+ ได้ส่งสัญญาณว่าจะไม่เพิ่มการผลิตจนกว่าจะถึงสิ้นไตรมาสแรกของปี 2025
แม้การบริหารงานของทรัมป์จะผลักดันให้มีการสำรอง Bitcoin และมีการไหลเข้าของเงินทุนสู่ ETF ที่เพิ่มขึ้น แต่ Bitcoin (BTCUSD) และ Ethereum (ETHUSD) กลับเผชิญกับการร่วงลงอย่างรวดเร็วในช่วงเช้าวันจันทร์ โดยกระแสการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากสงครามการค้าของทรัมป์ยังส่งผลกระทบหนักต่อคริปโทเคอร์เรนซีชั้นนำ นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับความกังวลเกี่ยวกับแรงต้านจากธนาคารกลางรายใหญ่ ซึ่งไม่รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะไม่รวม Bitcoin ไว้ในทุนสำรองของพวกเขาก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับตลาด ส่งผลให้ BTCUSD ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสองเดือน ขณะที่ ETHUSD ปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหกเดือน โดยมีการร่วงลงระหว่างวันมากกว่า 13%
พาดหัวข่าวเกี่ยวกับสงครามภาษีของสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญในสัปดาห์นี้ ขณะที่การเปิดเผยดัชนี PMI ของ ISM และตัวเลขการจ้างงานประจำเดือนมกราคมจากสหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของตลาดเช่นกัน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอาจรักษาความแข็งแกร่งไว้ได้ด้วยโดยได้รับการสนับสนุนจากท่าทีของ Fed ที่มีแนวโน้มเข้มงวดทางการเงิน และความกังวลเรื่องสงครามการค้า ขณะเดียวกันราคาทองคำอาจฟื้นตัวได้ หากจีน เม็กซิโก และแคนาดาสามารถทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ได้ ซึ่งอาจช่วยให้สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงฟื้นตัวขึ้นได้บ้างจากการร่วงลงก่อนหน้า แต่แนวโน้มโดยรวมที่เอื้อประโยชน์ต่อดอลลาร์สหรัฐฯก็อาจส่งผลให้สินทรัพย์เหล่านี้ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวลง
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด!
