Trade Trigger คืออะไร? ประเด็นที่มือใหม่ต้องเข้าใจก่อนเริ่มเทรด

Trade trigger คือ เหตุการณ์ที่กำหนดค่าการเคลื่อนไหวของการซื้อขายจากสินทรัพย์อ้างอิง โดยส่วนใหญ่นิยมใช้โดยนักเทรดที่เทรดหุ้นเป็นหลัก อีกทั้งยังมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่เทรดดัชนี (Index) หรือออปชั่น (Option) ซึ่ง trigger แบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ตัวอย่างเช่น การแสดงความเคลื่อนไหวของหุ้นแต่ละตัว และการบ่งชี้ให้เห็นการดำเนินการทั่วทั้งตลาดเมื่อดัชนีเป้าหมายไปถึงหรือเกินระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า

ในบทความวันนี้ เราจะมาพูดถึงประเภทหลักของ trigger และตัวอย่างการใช้ trigger ให้เกิดประโยชน์ ที่สำคัญ มาทำความเข้าใจข้อดีและข้อเสียของการเทรดด้วย trigger เพื่อทราบเหตุผลว่าทำไมนักเทรดควรใช้ trigger

Trade Trigger คืออะไร?

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า Trade trigger คือ การตั้งค่าการดำเนินการ

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า Trade trigger คือ การตั้งค่าการดำเนินการเมื่อสถานการณ์ตลาดเป็นไปตามเงื่อนไขและเกณฑ์ที่ระบุเอาไว้ล่วงหน้า โดยนักเทรดจะใช้ trigger เป็นเครื่องมืออัตโนมัติเพื่อเริ่มต้นการเทรด (การทำธุรกรรม) โดยไม่จำเป็นต้องป้อนข้อมูลหรือดำเนินการใดๆ ด้วยตัวเองในภายหลัง

พูดง่าย ๆ คือ trigger ที่ตั้งไว้จะถูกดำเนินการก็ต่อเมื่อเข้าเงื่อนไขที่ระบุไว้ เช่น หลักทรัพย์ (Security) หรือดัชนี (Index) ราคาร่วง/เพิ่มขึ้น โดยเมื่อตลาดตรงตามเงื่อนไขเหล่านี้ กระบวนการซื้อขายก็จะเริ่มขึ้น โดยการที่นักลงทุนใช้เทคนิคในการตั้งค่าการซื้อขายอัตโนมัติบางประเภท ตัวอย่างเช่น การใช้ trigger เพื่อซื้อขายสินทรัพย์โดยอัตโนมัติเมื่อราคาไปถึงระดับที่ระบุไว้

สิ่งสำคัญที่ควรนักเทรดควรรู้:

• Trade trigger จะถูกดำเนินการเมื่อเงื่อนไขตลาดตรงตามที่ระบุไว้
• ธุรกรรมจะถูกดำเนินการอัตโนมัติเมื่อเข้าเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
• เทคนิคนี้ไม่จำเป็นต้องป้อนข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม
• จะมีการดำเนินทั้งออเดอร์แรกและออเดอร์สองตามลำดับ
• การใช้ trade trigger จะต้องอาศัยการเทรดและวางแผนอย่างมีระบบ

ทำไมต้องใช้ Trade Trigger หลายๆ ประเภท

นักลงทุนสามารถใช้เทคนิค Trade trigger เพื่อระบุจุดที่เหมาะสมที่สุดในการเปิดและปิดออเดอร์ได้โดยโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของ trigger ที่ท่านเลือกใช้ โดยนักเทรดที่มีประสบการณ์ส่วนใหญ่ใช้เครื่องมือนี้เพื่อวางคำสั่งซื้อที่อาจเกิดขึ้น เมื่อคำสั่งแรกได้รับการดำเนินการ คำสั่งที่สองจะเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ และจะยังสามารถดำเนินการได้เช่นเดิมหากเป็นไปตามเงื่อนไขตลาดที่กำหนดไว้ล่วงหน้า

ตัวอย่าง Trade trigger: สมมติท่านต้องการวางออเดอร์ OCO เพื่อช้อนราคาสินทรัพย์ ณ ขณะนั้น เมื่อคำสั่งด้านหนึ่งถูกดำเนินการ อีกคำสั่งจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติในทันที ในขณะเดียวกัน เทรดเดอร์จะยังมีโอกาสในการเข้าสู่ตลาดตามทิศทางโมเมนตัม

ประเภท Trade Trigger

ประเภทของ Trade trigger แตกต่างกันไปตามสินทรัพย์ที่ลงทุน นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและข้อกำหนดในการดำเนินการ โดย trade trigger ที่เป็ที่นิยมมากที่สุด ได้แก่:

• Trade trigger สำหรับหุ้น – โดยส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเคลื่อนไหวของราคาหุ้น โดย trigger เทรดหุ้นจะถูกดำเนินการเมื่อราคาแตะระดับที่กำหนด โดยทั่วไปจะมีเวลาระบุว่า "คำสั่งซื้อนี้จนถึงวันที่ยกเลิก (Good-till-cancelled)" หรือ "คำสั่งซื้อนี้สำหรับวันนี้เท่านั้น (Good for the day)" โดยนักลงทุนจะใช้ประโยชน์จากแนวทางการเทรดที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นโดยการกระตุ้นให้เกิดการดำเนินการเทรด แต่ท่านยังมีอิสระในการแสดงความคิดดำเนินการด้วยตัวเอง กำหนดระดับต่างๆ และใช้ trade trigger เมื่อโอกาสที่ดีสำหรับสินทรัพย์ที่ท่านต้องการมาถึง
• Trade trigger สำหรับดัชนี Index – ดัชนี (Index) สามารถใช้เป็น trigger เพื่อดำเนินการเทรดทั้งออเดอร์ Short และ Long ได้ โดยเมื่อท่านมองว่าความเคลื่อนไหวของดัชนีอาจกระทบหรือมีความสัมพันธ์กับราคาหุ้น ท่านก็สามารถตั้งค่าให้ trigger ดำเนินการตามเงื่อนไขต่างๆ ได้ เพียงแค่ตั้งค่าการดำเนินการเอาไว้ล่วงหน้า (เช่น ขายหุ้นเมื่อดัชนีดาวน์โจนส์พุ่งแตะระดับที่กำหนดไว้)

สรุปเกี่ยวกับ Trade Trigger

การใช้ trade trigger นับว่าเป็นเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการดำเนินการด้านการเทรด หรือเปิดคำสั่งซื้อขายอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม นักเทรดจะต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะอาจเกิดข้อผิดพลาดหากมีการลืมออเดอร์ที่วางไว้ก่อนหน้าและหลักการเทรดที่วางเอาไว้ ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านขาดทุนได้แบบไม่รู้ตัว

ทางที่ดีคือควรปรับเปลี่ยนคำสั่งซื้อขายเก่าๆ ก่อนหน้า และขอแนะนำให้ท่านเน้นการเทรดรายวันเป็นหลักเมื่อเทรดโดยใช้ trade trigger เพราะ Timeframe ที่นานมากยิ่งขึ้นอาจทำให้ท่านเทรดไม่ประสบความสำเร็จ แต่หากใช้อย่างถูกต้องก็ช่วยจะช่วยให้ท่านมีระบบการซื้อขายอัตโนมัติที่ดี พร้อมเงื่อนไขที่ตั้งไว้ล่วงหน้าที่สามารถดำเนินการต่อไปได้ในระยะยาว

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน