ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ของ MTrading ทุกท่านนะครับ! ท่านมาได้ถูกจังหวะแล้วล่ะ เพราะบทความนี้เขียนขึ้นมาเพื่อเอาใจนักเทรดมือใหม่โดยเฉพาะ เนื่องจากเราเข้าใจดีว่า หากจะพูดถึงวิธีการเทรดทั่วๆ ไป ก็อาจจะยากและซับซ้อนเกินกว่าที่มือใหม่จะรับไหว ดังนั้น บทความนี้จะกล่าวถึงขั้นตอนง่ายๆ ที่ทำตามได้ไม่ยาก แต่รับรองได้เลยว่าจะทำให้ท่านเทรดหุ้นได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น มาร่วมกันคลายข้อสงสัยว่า 'การเทรดหุ้น' คืออะไรกันแน่? วิธีการเทรดหุ้นทำอย่างไร? และจริงๆ แล้ว 'นักเทรดหุ้น' ต่างจาก 'นักลงทุน' อย่างไร? ติดตามและหาคำตอบไปพร้อมกัน!

มือใหม่หัดเทรดอาจจะเคยได้ยินเหล่านักเทรดที่นั่งเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ตะโกนคำว่า "Buy (ซื้อ)" หรือ "Sell (ขาย)" ในภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับ Wall Street (ถนนวอลล์สตรีทที่ตั้งของอาคารตลาดหลักทรัพย์ในนิวยอร์ก) มาหลายเรื่อง แต่รู้หรือไม่ว่า ภาพยนตร์เหล่านั้นอาจไม่ได้พูดถึงการเทรดหุ้นเสมอไป?
เพราะอะไรน่ะหรือ? นั่นก็เพราะว่า ไม่ใช่ทุกคนที่วุ่นวายกับเรื่องซื้อ-ขายหุ้น จะเป็นเทรดเดอร์ทั้งหมดเสียหน่อย เนื่องจากผู้เล่นในตลาดหุ้นนั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ นักเทรด และ นักลงทุน ซึ่งแตกต่างกันอย่างไรนั้น โปรดติดตามอ่านต่อไปครับ!
หุ้น (Stock) คืออะไร?
แต่ก่อนที่เราจะลงลึกไปถึงรายละเอียด, คำศัพท์ หรือคำอธิบายเหล่านั้น มาทำศึกษาความหมายของหุ้น (stock) ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อทำความเข้าใจว่าหุ้นมีพฤติกรรมในตลาดอย่างไร แล้วหุ้นมีข้อดีอย่างไร
เอาล่ะ หุ้นนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่กระดาษใบหนึ่งที่บริษัทรับรองให้ผู้ถือหุ้นเท่านั้น แต่มันหมายถึงการลงทุนจริงๆ ในธุรกิจนั้นๆ เลยล่ะครับ โดยเมื่อท่านซื้อหุ้นแล้ว ท่านก็ได้รับส่วนแบ่งในรายได้ของบริษัทดังกล่าวด้วยเช่นกัน หรือจะให้พูดเข้าใจง่ายๆ ก็คือว่า ท่านเป็นหุ้นส่วนในทรัพย์สินของบริษัทเหล่านั้นด้วยนั่นเองครับ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายมักพิจารณาหุ้นต่างๆ ไปพร้อมๆ กับเงินทุนของบริษัท รวมไปถึงกรรมสิทธิ์ของผู้ถือหุ้น
องค์ประกอบหลักของหุ้น คือ 'ราคา' ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อทั้งนักลงทุนและนักเทรด เพราะยิ่งบริษัทมีกิจการที่ได้สวยมากเท่าไหร่ ราคาหุ้นก็จะยิ่งพุ่งสูงตามไปแบบติดๆ
ยกตัวอย่าง: สมมุติว่า Apple กำลังจะเริ่มผลิตสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด ที่เหล่าสาวกต่างตั้งหน้าต่างตารอคอยกันมานาน แน่นอนว่ามันกำลังจะกลายเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด ยอดขายที่เพิ่มขึ้นนั้นก็จะเป็นตัวผลักดันให้ราคาหุ้น Apple เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งผู้ที่ถือหุ้น Apple ไว้ก็เตรียมรอรับกำไรได้เลยครับ
นักเทรดหุ้น VS นักลงทุน
หากท่านพิจารณาจากตัวอย่างด้านบน จะสามารถแบ่งพฤติกรรมของผู้ถือหุ้น ออกได้เป็น 2 แบบ คือ:
- เก็บสะสมหุ้นไว้ เพื่อรอรับค่าคอมมิชชั่นรายเดือนหรือรายปี ที่ค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น
- ขายหุ้น เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคาขายและราคาทุน
หากท่านเลือกตัวเลือกแรก นั่นอาจหมายความว่าท่านเป็น 'นักลงทุน' แต่ถ้าหากตัวเลือกที่ 2 คือตัวตนของท่าน นั่นหมายความว่า ท่านเป็น 'นักเทรดหุ้น' นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นอาจร่วงลงได้เมื่อบริษัทเกิดการขาดทุน หรือมีวิกฤติเศรษฐกิจเกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาหุ้น เช่น ปัจจัยทางภูมิศาสตร์, สังคม และสถานการณ์อื่นๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่ากังวลใจมากเกินไปล่ะครับ เพราะท่านยังสามารถเทรดทำกำไรในช่วงวิกฤติได้ เพียงแค่ท่านเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ วิธีทำกำไรในตลาดขาลง
หากท่านตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นนักเทรดหุ้นในเร็วๆ นี้ล่ะก็ ท่านจะต้องเข้าใจว่าความเสี่ยงนั้นย่อมเกิดขึ้นได้เช่นกัน
ข้อดีของการเทรดหุ้น:
- ได้ผลตอบแทนดีมากสำหรับทั้งนักเทรดและนักลงทุน
- เลือกเทรดได้ง่าย จากราคาหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้นตามการเติบโตของบริษัท
ข้อเสียของการเทรดหุ้น:
- ราคาหุ้นจะผันแปรตามสมรรถภาพของบริษัท หากบริษัทขาดทุนย่อยยับ ราคาหุ้นก็จะร่วงลงเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ท่านขาดทุนได้ในที่สุด
เอาล่ะครับ เมื่อท่านได้ทราบเกี่ยวกับหลักการพื้นฐานบ้างแล้ว ได้เวลาลงลึกถึงวิธีการเทรด เพื่อให้ท่านเทรดได้เป็น!
การเทรดหุ้น คืออะไร?
การเทรดหุ้น คือ ขั้นตอนในการซื้อและขายหุ้นนั่นเองครับ โดยหลักการสำคัญก็คือ การลงทุน และทำกำไรจากความผันผวนของราคาในแต่ละวัน ซึ่งโดยส่วนมากการเทรดรายวันนั้น หมายถึง การเทรดระยะสั้น (Short-term trading) นั่นแหละครับ แทนที่จะซื้อหุ้นกับบริษัทชั้นนำ แล้วถือหุ้นนั้นไว้เป็นเวลานานๆ (อาจจะเป็นปีหรือ 10 ปี) นักเทรดรายวัน (Day trader) ก็จะชิงขายเก็บกำไรเข้ากระเป๋าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า หรือบางทีอาจเป็นชั่วโมงไปจนถึงหลายๆ วันเลยก็ได้
ท่านสามารถเทรดหุ้นได้ 2 วิธีที่ต่างกัน ดังนี้:
- อย่างแรก คือ วิธีการเคาะกระดาน (หรือ Floor trading) ซึ่งก็คือ การเทรดด้วยการซื้อขายแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นตรงกันใน wall street โดยมีโบรกเกอร์คอยรับคำสั่งจากท่านว่าจะซื้อหรือขายหุ้นตัวไหน และเมื่อจับคู่คำสั่งจากเทรดเดอร์แต่ละคนได้ ก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปต่อรองราคากับเทรดเดอร์ โดยท่านจะได้รับหุ้นส่วนเหล่านั้นก็ต่อเมื่ออีกฝั่งอนุมัติราคาที่ท่านได้ขอไปนั่นเอง
- อีกวิธีหนึ่ง คือ การเทรดออนไลน์ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายกว่าและมีความยืดหยุ่นมากกว่าการเทรดแบบ floor trading ซึ่งท่านจะต้องเลือกโบรกเกอร์ด้วยตัวเอง โดยมีหลักการสำคัญคือการเข้าถึงตราสารการเทรดต่างๆ ในแพลตฟอร์มชั้นนำที่รองรับการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ เปลี่ยนมาเคาะแป้นคอมพิวเตอร์แทน โดยที่ท่านไม่ต้องออกจากบ้านหรือที่ทำงานของท่านด้วยซ้ำ