ออกจากระบบ
คุณจะแน่ใจหรือไม่ที่จะออกจากระบบ

เพราะอะไร เทรดเดอร์แต่ละคนจึงมองกราฟต่างกัน?

สิ่งสำคัญอันดับแรกที่มือใหม่หัดเทรดควรทำเมื่อเริ่มเทรดก็คือ การฝึกอ่านกราฟเทรด เนื่องจากกราฟเทรดออนไลน์เหล่านั้นเต็มไปด้วยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของราคา, ปริมาณการซื้อขาย และประเด็นสำคัญอื่นๆ ที่จะทำให้เทรดเดอร์เข้าใจรายละเอียดโดยรวมของสินทรัพย์ที่กำลังจะเทรด เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการเทรดให้ได้ผลดียิ่งขึ้น

None

หากท่านยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการอ่านกราฟมาก่อน ท่านสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับ วิธีการอ่านกราฟเบื้องต้น ได้จาก section เรียนรู้การเทรด บนเว็บไซต์ของเรา โดยในบทความนี้เราจะมาหาคำตอบกันว่า ทำไมเทรดเดอร์แต่ละคนจึงอ่านกราฟราคาแตกต่างกัน

เรียนรู้วิธีอ่านพฤติกรรมราคา

กราฟเทรดจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของราคา (Price Action) และปริมาณการซื้อขาย (Volume) โดยเทรดเดอร์จะต้องใช้เครื่องมือ อินดิเคเตอร์ forex เป็นตัวช่วยในการวิเคราะห์ว่าข้อมูลต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงอย่างไรในกรอบเวลา (Timeframe) ที่ท่านกำหนด ซึ่งเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เทรดเดอร์แต่ละคนอ่านกราฟได้แตกต่างกันก็คือ การขาดระเบียบวินัยนั่นเองครับ

น่าเสียดาย ที่นักเทรดบางคนไม่กล้ายอมรับความเสี่ยงจากการเทรดเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจะเทรดในล็อตเล็กๆ ก็ตาม ความกลัวมากจนเกินไปจะทำให้เทรดเดอร์มีมุมมองหรือทัศนคติเกี่ยวกับตลาดหรือการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ไม่ถูกต้องเอาเสียเลย ปัญหาสำคัญเลยก็คือ แม้เทรดเดอร์จะเข้าใจดีว่ากฎระเบียบในการเทรดเป็นอย่างไร แต่ใช่ว่าเทรดเดอร์ทุกคนจะเทรดอย่างมีวินัยเช่นนั้นได้จริงๆ โดยเฉพาะเมื่อเทรดบ่อยเข้าจนชินและลืมกฎระเบียบในที่สุด

การเทรดโดยไม่มีระเบียบวินัยนี้เองที่ทำให้ความสามารถในการอ่านกราฟ forex ของเราลดลง ดังนั้น เทรดเดอร์จึงควรเพิ่มวินัยในการเทรดให้มากยิ่งขึ้น และหลีกเลี่ยงการจ้องมองกราฟราคาด้วยความฉุนเฉียวให้ได้มากที่สุด แล้วเปลี่ยนมาอ่านกราฟโดยใช้สมาธิและเหตุผลแทน

ความอคติต่อตลาด

ในกรณีนี้ ปัญหาหลักอยู่ตรงที่ความคิดที่เต็มไปด้วยอคติหรือความเอนเอียงเกี่ยวกับตลาด หรือหากจะพูดให้เข้าใจโดยง่ายก็คือ ในจังหวะที่เทรดเดอร์เข้าเทรดด้วยอคติ พวกเขาจะไม่สามารถอ่านกราฟเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง โดยความคิดหรืออารมณ์อคติเหล่านี้มักเกิดขึ้นได้กับทั้งนักเทรดมือใหม่และเทรดเดอร์มากประสบการณ์

ยกตัวอย่าง: สมมุติว่าท่านมีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่า ใน 10 ปีข้างหน้า EUR จะออกไปจากตลาด ทำให้ท่านมีมุมมองที่เป็นลบต่อคู่เงิน EUR/USD ซึ่งนั่นเป็นวิธีการประเมินสถานการณ์ตลาดที่ไม่ดีเอาเสียเลย

สิ่งที่เทรดเดอร์ทุกท่านควรพึงระลึกไว้เสมอก็คือ ตลาดไม่ได้สนใจหรอกครับว่าท่านจะคิดหรือเชื่ออย่างไร เพราะมันไม่ได้เคลื่อนไหวไปตามความเชื่อแบบผิดๆ ของท่าน แต่สิ่งที่จะทำให้ท่านสามารถคาดการณ์ทิศทางของตลาดได้ก็คือ การอ่านกราฟเทรดนั่นเองครับ

อย่าลืมนะครับว่า ไม่ว่าท่านจะมีความคิดที่เอนเอียงไปในทางบวกหรือทางลบก็ตาม แต่การยึดถือความคิดนั้นมากจนเกินไปจะเป็นบ่อนทำลายประสิทธิภาพในการตัดสินใจของท่าน ฉะนั้น จงจำเอาไว้ว่า ไม่ว่า EUR จะร่วงลงไปต่ำสุดแค่ไหน หรืออาจดิ่งลงไปถึง 0 ก็ตาม แต่มันก็ยังมีโอกาสที่จะเด้งตัวกลับขึ้นมาเสมอในไม่ช้า

การยึดติดกับ Timeframe

อีกหนึ่งกำแพงอุปสรรคสำคัญที่ปิดกั้นเทรดเดอร์จากการอ่านกราฟราคาที่ถูกต้องก็คือ การยึดติดกับ timeframe หรือกรอบเวลานั่นเองครับ เช่น นักเทรด Scalp อาจจะสนใจแค่ว่า AUD จะเปลี่ยนแปลงอย่างไรเมื่อเทียบกับ EUR หรือ USD ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ในขณะที่นักเทรด Swing จะตั้งหน้าตั้งตาศึกษาแค่ข้อมูลในระยะยาวตั้งแต่หลายสัปดาห์ไปจนถึงเป็นเดือนเลยก็ว่าได้ ดังนั้น การยึดติดกับกรอบเวลาเช่นนี้เองที่จะทำให้พวกเขาประสบกับปัญหาการเทรดในที่สุด

None

เพราะยิ่งท่านศึกษาข้อมูลใน timeframe ที่มีระยะเวลามากขึ้นแค่ไหน ท่านก็จะยิ่งวิเคราะห์กราฟได้แตกต่างจากนักเทรดที่เทรดและศึกษาข้อมูลในระยะสั้นมากเท่านั้น ด้วยสาเหตุนี้เองที่ทำให้เทรดเดอร์แต่ละระยะอ่านกราฟได้ไม่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าท่านจะเทรดในระยะใดก็ตาม จงจำเอาไว้ให้ขึ้นใจเลยว่า แม้ตั้งจุด stop loss เป็น 100 pip ก็ยังน้อยไป เพราะมันแทบจะไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงได้เลยโดยเฉพาะกับการเทรดล็อตใหญ่ๆ

ขาดการวิเคราะห์ทางเทคนิค

การมองข้ามความสำคัญของเครื่องมือในการเทรด ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ เพราะมันจะทำให้เทรดเดอร์เหล่านั้นมีการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง แน่นอนว่าสำหรับเทรดเดอร์บางคน การวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้นแลดูยากพอๆ กับการศึกษาทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์เลยทีเดียว การปราศจากความรู้ความเข้าใจที่มากเพียงพอจึงทำให้เทรดเดอร์มือใหม่เหล่านั้นมีมุมมองต่อกราฟที่แตกต่างไปจากเทรดเดอร์มากประสบการณ์ที่เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี

ตัวอย่างเช่น: หากเทรดเดอร์คิดว่าการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคเป็นเรื่องยากเกินไป ท่านจึงสนใจศึกษาแค่เทรนด์หรือแนวโน้มพื้นฐานต่างๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยครับ เพราะมันจะทำให้ท่านไม่สามารถระบุแนวรับ, แนวต้าน, เส้นค่าเฉลี่ย และอินดิเคเตอร์อื่นๆ ที่จำเป็นอย่างมากสำหรับการวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของราคานั่นเองครับ เห็นไหมล่ะครับว่า การมีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับการเทรดที่ดี รวมไปถึงประสบการณ์ในการเทรดที่เพียงพอนั้นจำเป็นต่อการอ่านกราฟให้ถูกต้องมากขนาดไหน

Industry-best trading conditions
Deposit bonus
up to 200% Deposit bonus 
up to 200%
Spreads
from 0 pips Spreads 
from 0 pips
Awarded Copy
Trading platform Awarded Copy
Trading platform
Join instantly

หลักการผิดๆ

ลองจินตนาการว่า ณ ขณะนี้ มีเทรดเดอร์ 10 คนที่กำลังใช้กลยุทธ์ในการเทรดแบบเดียวกัน แต่ท่านอาจต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเทรดเดอร์เกินกว่าครึ่งได้ค่าตัวเลขหรือผลลัพธ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นี่จึงเป็นสาเหตุที่เราเน้นย้ำอยู่บ่อยๆ ว่า การใช้กลยุทธ์ที่ถูกต้องนั้นมีความสำคัญมากแค่ไหน โดยกลยุทธ์หรือวิธีการเทรดที่เทรดเดอร์เลือกใช้อาจแตกต่างกันไปตามประเภทของอินดิเคเตอร์และองค์ประกอบต่างๆ ในกราฟ เช่น เทรดเดอร์ที่เน้นศึกษาแนวรับแนวต้าน ก็จะมีหลักการเทรดที่แตกต่างจากนักเทรดที่ให้ความสำคัญกับการใช้เส้นค่าเฉลี่ยนั่นเอง

ยกตัวอย่าง: เทรดเดอร์ที่เน้นวิเคราะห์แนวรับและแนวต้านเพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถนับจำนวนคลื่นได้ถูกต้อง พวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ใช้เทคนิค Elliott Wave เนื่องจากไม่มีความถนัดในการนับคลื่นนั่นเอง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าท่านจะใช้เทคนิคใดๆ นั้นไม่สำคัญ เพราะมันไม่มีทางที่เทคนิคเหล่านั้นจะแสดงข้อมูลผลลัพธ์ที่ถูกต้องแบบ 100% พึงระลึกไว้เสมอว่า ทุกเทคนิคล้วนสามารถใช้ทำกำไรได้ หากท่านเรียนรู้วิธีการใช้เทคนิคเหล่านั้นอย่างถูกต้อง

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน และปัจจัยทางเทคนิค

เทรดเดอร์บางท่านอาจจะสนใจแค่ปัจจัยพื้นฐาน ในขณะที่เทรดเดอร์ท่านอื่นๆ กำลังให้ความสำคัญกับปัจจัยทางเทคนิคเพียงอย่างเดียว ความไม่พอดีนี้จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เทรดเดอร์ทั้ง 2 กลุ่มมีผลลัพธ์ในการอ่านกราฟที่แตกต่างกัน ซึ่งหากท่านพุ่งความสนใจแทบทั้งหมดไปที่พฤติกรรมของราคา ท่านก็จะมีวิธีอ่านกราฟราคาที่แตกต่างไปจากเทรดเดอร์ที่โฟกัสกับปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ

หลักการสำคัญในกรณีนี้ก็คือ ถึงแม้ว่าปัจจัยพื้นฐานจะไม่ได้ส่งผลต่อพฤติกรรมราคาเช่นเดียวกับปัจจัยทางเทคนิค แต่เชื่อเถอะครับว่าปัจจัยพื้นฐานเหล่านั้นก็ยังมีผลกระทบต่อราคาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องผลลัพธ์มากจนเกินไปเลยครับ แต่จงจำหลักการเอาไว้ให้ดีว่า นัก scalp หรือนักเทรดระยะสั้น ควรให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคมากกว่า ในขณะที่การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะใช้ได้ผลดีกับนักเทรดระยะยาวมากกว่านั่นเองครับ

บทส่งท้าย

หากจะพูดกันตามตรง มีเหตุผลนับล้านที่ทำให้เทรดเดอร์แต่ละคนอ่านกราฟได้ไม่เหมือนกัน เพราะไม่เพียงแต่ทักษะการเทรด, ประสบการณ์ในการเทรด หรือความรู้เกี่ยวกับการเทรดที่เทรดเดอร์แต่ละคนมีไม่เหมือนกันเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์พิจารณาและความสามารถในการนำสิ่งที่วิเคราะห์นั้นไปปรับใช้ในภาวะตลาดจริงๆ ในปัจจุบันด้วยเช่นกัน

ความประมาทหรือการขาดความรอบคอบเพียงนิดเดียว อาจทำให้เกิดความผิดพลาดมหันต์ได้เช่นเดียวกับการปราศจากโฟกัสและระเบียบวินัย ดังนั้น เทรดเดอร์ทุกท่านต้องไม่ลืมที่จะหลีกเลี่ยงอารมณ์ในการเทรด และหมั่นศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคอยู่เสมอ เพื่อที่ท่านจะได้อ่านกราฟได้อย่างมีประสิทธิภาพในที่สุด

แม้ท่านจะเพิ่งเข้าสู่ตลาดการลงทุนได้ไม่นานนัก และยังมีความสงสัยอีกมากมายเกี่ยวกับตลาด แต่อย่ากังวลไปเลยครับ เราได้เตรียม บทความการเรียนรู้มากมายไว้ให้ท่านได้ศึกษา

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน