
บทความนี้จะช่วยแนะนำให้มือใหม่หัดเทรดได้เข้าใจว่า เครื่องบ่งชี้ภาวะทางเศรษฐกิจ หรือ Economic Indicator คืออะไร, มีประโยชน์สำหรับการเทรดอย่างไร และอินดิเคเตอร์ตัวไหนที่มีความสำคัญต่อการเทรดมากๆ ที่ท่านจะต้องใช้ ทันทีที่ท่านเข้าสู่ตลาด!
ตัวบ่งชี้เศรษฐกิจ (Economic Indicator) คืออะไร?
อินดิเคเตอร์บ่งชี้ทางเศรษฐกิจ คือ เครื่องมือที่ใช้สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยทางพื้นฐานต่างๆ เพื่อประเมินสภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ โดยอินดิเคเตอร์ทางเศรษฐกิจแบ่งออกเป็นหลายประเภท แตกต่างกันไป และบางประเภทก็ใช้เฉพาะเจาะจงสำหรับประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น (ขึ้นอยู่กับสินค้าและบริการของประเทศดังกล่าว)
ณ ขณะที่เทรดเดอร์มืออาชีพกำลังเทรด หากพวกเขาไม่มีเวลามากพอในการเฝ้าติดตามอินดิเคเตอร์จำนวนมาก พวกเขาจะเน้นโฟกัสแค่ 3 อินดิเคเตอร์หลักที่ใช้สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานโดยทั่วไป และถึงแม้จะใช้เครื่องมือแค่ไม่กี่อย่าง แต่ก็ยังเข้าใจภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ ได้
อินดิเคเตอร์ชี้วัดภาวะทางเศรษฐกิจ 3 ประเภทหลัก ที่ใช้สำหรับการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโดยทั่วไปของประเทศหนึ่งๆ ได้แก่:
- GDP (Gross Domestic Product)
- CPI (Consumer Price Index)
- อัตราการว่างงาน (Unemployment)
ทำไมเครื่องบ่งชี้ทางเศรษฐกิจจึงมีประโยชน์สำหรับการเทรด?
เครื่องบ่งชี้ทางเศรษฐกิจมีความสำคัญต่อการเทรดมากๆ เนื่องจากมันเป็นเครื่องมือที่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศใช้ เพื่อทำความเข้าใจและวัดค่า 'คุณภาพทางเศรษฐศาสตร์' ณ ปัจจุบัน
โดยธนาคารกลางจะคอยพัฒนาและปรับปรุงนโยบายการเงินในประเทศ พร้อมทั้งรับผิดชอบและควบคุมอัตราดอกเบี้ย, อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และควบคุมปริมาณเงินของประเทศ
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า อินดิเคเตอร์ชี้วัดทางเศรษฐกิจมีความสำคัญมากๆ สำหรับนักเทรด เนื่องจากเครื่องมือเหล่านั้นจะช่วยบ่งบอกข้อมูลว่า ทิศทางสภาวะทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศจะอย่างไรในอนาคต รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่อาจจำเป็นในการประกอบการตัดสินใจลงทุน
บ่อยครั้ง ที่การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินครั้งสำคัญของธนาคารกลางส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน ทำให้เทรดเดอร์หลายคนต้องตะเกียกตะกายทุ่มเงินลงทุนอย่างหนัก หรือบางคนอาจเลือกถอนเงินออกไป เพื่อป้องการความเสี่ยงจากการลงทุน
7 เครื่องมือชี้วัดภาวะเศรษฐกิจที่สำคัญ ขาดไม่ได้สำหรับการเทรด
CPI
CPI (Consumer Price Index) หรือ ดัชนีราคาผู้บริโภค เป็นอินดิเคเตอร์ทางเศรษฐกิจที่ช่วยวัดค่าการเปลี่ยนแปลงราคาเฉลี่ยของสินค้าและบริการต่างๆ ที่ผู้บริโภคจ่ายเงินซื้อใช้ โดย CPI สามารถบอกมูลค่าที่เปลี่ยนแปลง เช่น ราคา 'ตะกร้าสินค้า' หรือกลุ่มสินค้าและบริการที่กำหนด มีมูลค่าเท่าไหร่ในอดีต และปัจจุบัน
โดย CPI จะได้จากการเปรียบเทียบขั้นพื้นฐาน และระบุว่าสินค้าและบริการนั้นขยายตัวดีขึ้นหรือชะลอตัวลง บางครั้ง CPI ก็สามารถใช้บอก 'ค่าครองชีพ' และใช้เป็นวิธีการในการวัดปริมาณอัตราเงินเฟ้อทั่วไป
ดัชนี CPI สามารถบอกหลายๆ สิ่งให้เทรดเดอร์มืออาชีพทั้งหลายได้รับรู้ และสามารถช่วยชี้แนะแนวทางการลงทุนในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้น ยังบอกการขยายตัวหรือการหดตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นตัวชี้วัดว่า ควรลงทุนอะไรและเมื่อไหร่จึงจะดีที่สุด
GDP
GDP (Gross Domestic Product) หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ เป็นมูลค่ารวมของสินค้าและบริการที่ผลิตขึ้นในประเทศ ณ ช่วงเวลาหนึ่งๆ โดย GDP จะเป็นตัวบ่งบอกว่าเศรษฐกิจของประเทศดังกล่าวมีการเติบโตอย่างไรในช่วงเวลานั้น
ดัชนี GDP นั้นคำนวณมาจาก 4 ส่วน ได้แก่ การใช้จ่ายของรัฐบาล (หรือ การลงทุนของภาครัฐ), การลงทุนจากเอกชน, มูลค่าการส่งออก, และการบริโภคของภาคเอกชน
ดังนั้น การขยายตัวของ GDP จึงถือเป็นผลดีในวงกว้าง โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนและนักเทรด ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว GDP มักจะค่อยๆ เติบโตขึ้นอย่างช้าๆ แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่ GDP เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็วจนเกินไป ก็อาจมีนัยถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจโดยรวมได้เช่นกัน
ทั้งนี้ มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมขั้นสุดท้าย หรือ Real GDP จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวัดค่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้โดยอาศัยการคำนวณ ซึ่งจะได้ค่าที่แม่นยำและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น เพื่อประเมินทิศทางการเทรดในอนาคต หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นได้