ออกจากระบบ
คุณจะแน่ใจหรือไม่ที่จะออกจากระบบ

5 สุดยอดอินดิเคเตอร์ ที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดรายวัน (Intraday Trading)

การเทรดรายวัน หรือ Intraday trading คือ การซื้อและขายสินทรัพย์ต่างๆ ในวันเดียวกัน หรือการเปิดและปิดออเดอร์ภายในวันเดียวกันนั่นเอง โดยการเทรดประเภทนี้จะต้องใช้อินดิเคเตอร์เฉพาะสำหรับการเทรด Intraday ซึ่งเหมาะสมสำหรับทั้งนักเทรดมือใหม่และมือโปร เนื่องจากเครื่องมือเหล่านั้นจะช่วยเพิ่มกำไรจากการเทรด และทำให้เทรดเดอร์มีความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดการเงินมากยิ่งขึ้น

None

แต่ถึงอย่างนั้น การเทรดรายวัน ซึ่งเป็นการเทรดด้วยกลยุทธ์ระยะสั้น ก็ย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงที่มากยิ่งขึ้น ดังนั้น เทรดเดอร์จึงควรใช้อินดิเคเตอร์ที่เหมาะสำหรับการเทรดแบบ intraday เพื่อทำให้กระบวนการเทรดสามารถคาดการณ์ได้ง่าย และได้รับผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจเลยทีเดียว โดยในบทความนี้ เราจะยกตัวอย่างอินดิเคเตอร์ชี้นำ (Leading indicator) ที่มีประโยชน์บางชนิด รวมถึงวิธีการใช้งานอินดิเคเตอร์เหล่านั้น!

แต่ก่อนอื่น.. มาลองพิจารณากันก่อนว่า อินดิเคเตอร์เหล่านั้นจะช่วยในการเทรดชอร์ต (Short sell) ได้อย่างไร

อินดิเคเตอร์สำหรับเทรด Intraday มีประโยชน์อย่างไร?

ดังที่เราได้กล่าวไปแล้วข้างต้น อินดิเคเตอร์จะช่วยบ่งบอกภาพรวมแนวโน้มของตลาดในอนาคต โดยเครื่องมือเหล่านั้นจะช่วยทำให้ท่านเข้าใจทิศทางราคา หรือแนวโน้มของราคาได้ง่ายยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น มันยังช่วยแสดงข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น:

  • ทิศทางของแนวโน้ม หรือ เทรนด์ เพื่อระบุทิศทางการเคลื่อนไหวในอนาคต
  • ผลกำไรที่อาจได้รับ ซึ่งแตกต่างกันไปตามความผันผวน
  • กรอบเวลา หรือ timeframe สำหรับโมเมนตัมที่เกิดขึ้นในตลาดขณะเทรด
  • การวัดปริมาณการซื้อขาย หรือ volume เพื่อระบุความนิยมของสินทรัพย์นั้นๆ

ประโยชน์ต่างๆ เหล่านี้ มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เมื่อใดก็ตามที่เทรดเดอร์ต้องการจะเข้าใจถึงสภาวะของตลาด เพื่อตัดสินใจเทรดอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสำหรับการเทรดอย่างว่องไวด้วยกลยุทธ์ intraday นั่นเองครับ

เอาล่ะครับ ได้เวลามาทำความรู้จักอินดิเคเตอร์ต่างๆ ที่เหมาะสำหรับการเทรดแบบ intraday หรือ การเทรดรายวัน

อินดิเคเตอร์ที่ดีที่สุด สำหรับการเทรด Intraday

และนี่คือ อินดิเคเตอร์เชิงเทคนิคหลักๆ ทั้งหมด สำหรับการเทรดด้วยกลยุทธ์ระยะสั้น ซึ่งได้แก่:

1. Moving Average

แม้ท่านจะไม่เคยมีประสบการณ์ในตลาด forex มาก่อน แต่ท่านอาจคงเคยได้ยินเกี่ยวกับ moving average (MA) หรือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ มาบ้างแล้ว เพราะเป็นอินดิเคเตอร์ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการวิเคราะห์กราฟเทคนิค ทั้งในหมู่นักเทรดมือใหม่ และนักเทรดมืออาชีพ โดยมีวิธีการคือ การวางเส้นค่าเฉลี่ยลงบนกราฟราคา โดยมีเส้นเป็นตัวบ่งชี้ราคาปิดเฉลี่ยในจังหวะเวลาที่เฉพาะเจาะจง ลองสมมุติว่าท่านกำลังเทรดหุ้นแล้วกันนะครับ

กราฟราคานั้นแสดงความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นใน timeframe ระยะยาว ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ยิ่ง timeframe มีระยะเวลานานมากขึ้นเท่าไหร่ เส้น moving average ก็จะยิ่งน่าเชื่อถือมากเท่านั้น ย่ิงไปกว่านั้น moving average ยังช่วยให้เทรดเดอร์สามารถรับมือกับความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในอนาคตได้ อย่าลืมนะครับว่า หุ้นนั้นค่อนข้างมีความผันผวนไม่น้อยเลยทีเดียว

2. Bollinger Band

อินดิเคเตอร์สำหรับการเทรด intraday ชนิดนี้ ค่อนข้างมีความซับซ้อนกว่ามากกว่า เมื่อเทียบกับ moving average เนื่องจากอาศัย ทักษะการอ่านกราฟ พอสมควร เพราะจะต้องพิจารณาเส้น 3 เส้น และอัตราค่าเฉลี่ยของราคาปิดในกราฟราคาต่างๆ โดยหลักการสำคัญของอินดิเคเตอร์นี้ คือ การแสดงทิศทางของราคา ว่าจะขึ้นสูงกว่า หรือ ต่ำกว่า ราคาเฉลี่ย

3. Momentum Oscillator

เมื่อท่านได้ตัดสินใจที่จะ เทรดหุ้น สิ่งแรกที่ท่านจะต้องพิจารณาก็คือ ความผันผวนของตลาด เพราะราคาหุ้นจะขึ้นและลงอยู่ตลอดเวลา ด้วยสาเหตุนี้เอง จึงทำให้อินดิเคเตอร์ที่ดีที่สุดในการเทรด intraday เป็นสิ่งที่ท่านไม่ควรมองข้าม เพราะมันจะช่วยให้ท่านสามารถติดตามความเคลื่อนไหวเหล่านั้นได้ง่ายมากขึ้น

Momentum oscillator เป็นอินดิเคเตอร์เพียงประเภทเดียวที่ช่วยระบุจังหวะที่ตลาดกำลังเผชิญกับวัฏจักรระยะสั้น หรือ Short term cycle ไม่ว่าจะในสภาวะ Bearish หรือ Bullish ก็ตาม โดยอินดิเคเตอร์นี้จะช่วยแจ้งเตือนให้เทรดเดอร์ทราบเกี่ยวกับจังหวะเหล่านั้น และสามารถตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น ทันทีที่ตลาดเกิดความเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลันในอนาคต

Industry-best trading conditions
Deposit bonus
up to 200% Deposit bonus 
up to 200%
Spreads
from 0 pips Spreads 
from 0 pips
Awarded Copy
Trading platform Awarded Copy
Trading platform
Join instantly

4. Relative Strength Index (RSI)

เทรดเดอร์จะใช้อินดิเคเตอร์ RSI เมื่อต้องการเปรียบเทียบมูลค่าโดยเฉลี่ยของหุ้นระหว่างขาขึ้นและขาลง โดยผลจากการคำนวณจะปรากฎออกมาในค่าดัชนีที่บ่งบอกอัตราเฉลี่ยของ RSI ซึ่งจะมีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 100 โดยเมื่อค่า RSI สูงถึง 70 นั้น นับเป็นจังหวะที่ดีที่สุดในการซื้อหุ้น

แต่หากว่าค่า RSI ลดลงถึง 30 ล่ะก็ ท่านอาจจำเป็นต้องขายหุ้นนั้นทิ้งไปเสีย อย่างไรก็ตาม หลักการนี้อาจไม่ใช่กฎตายตัวสำหรับการเทรดในสภาวะ RSI ต่างๆ ท่านควรพิจารณาสัญญาณอื่นๆ ระหว่างการเทรดด้วยเช่นกัน ถ้าจะให้ดี ท่านควรศึกษาค้นคว้าข้อมูลเชิงลึก รวมถึงพัฒนาทักษะในการวิเคราะห์กราฟเทคนิคให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

5. Moving Average Convergence Divergence (MACD)

MACD เป็นอินดิเคเตอร์สำหรับการเทรด intraday ที่ดีที่สุด ชนิดสุดท้ายที่เราจะนำเสนอในวันนี้ ซึ่งเทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักใช้ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของเทรนด์ในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้น มันยังช่วยแสดงระยะเวลาของแนวโน้ม รวมไปถึงการแกว่งตัว หรือ momentum ของเทรนด์นั้นๆ อีกด้วย

อินดิเคเตอร์ชนิดนี้จะอาศัยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ หรือ MA 2 เส้น ในเวลาเดียวกัน ซึ่ง 2 เส้นนั้นอาจจะวิ่งเข้าหากัน (Convergence) หรือ วิ่งแยกออกจากกัน (Divergence) โดย MACD ที่มีค่าเป็นบวก หมายความว่า ราคามีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น และ MACD ที่มีค่าเป็นลบ จะบ่งบอก ราคาที่มีแนวโน้มจะลดลง

ด้วยความปรารถนาดีเพื่อให้ท่านสามารถ เทรดบนแพลตฟอร์มที่ดีที่สุด MTrading จึงได้จัดเตรียม MetaTrader 4 ฟรี ไว้ให้ท่าน จะใช้งานโดยไม่ต้องติดตั้ง หรือจะดาวน์โหลดลงบนอุปกรณ์ของท่านก็ได้ ตามที่ท่านสะดวกเลยครับ แถมยังมี MetaTrader 4 Supreme Edition เป็นปลั๊กอินพิเศษที่ออกแบบโดย MTrading เพื่อ MTrader โดยเฉพาะ! เพื่อพัฒนาการเทรดของท่านไปสู่อีกระดับ

วิธีตีความอินดิเคเตอร์ สำหรับการเทรด Intraday

เอาล่ะครับ เมื่อท่านรู้จักอินดิเคเตอร์ต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลามาเรียนรู้ขั้นตอนการอ่านเพื่อตีความอินดิเคเตอร์เหล่านั้น รวมถึงวิธีการใช้งานอินดิเคเตอร์ในสภาวะของตลาดจริงๆ ไม่ว่าท่านจะใช้กลยุทธ์เทรดแบบใดก็ตาม

  1. Moving Average – เมื่อท่านสังเกตเห็นกราฟที่มีค่าเฉลี่ยระยะสั้น มากกว่า ค่าเฉลี่ยระยะยาว นั่นหมายความว่า อินดิเคเตอร์กำลังบ่งชี้เทรนด์ขาลง หรือ bullish trend ซึ่งเป็นจังหวะที่ดีในการเลือก ตำแหน่งจุดเข้าที่ดีที่สุด รวมถึงตำแหน่งที่ดีที่สุดในการ ตั้ง Stop Loss
  2. Bollinger Band – เมื่อท่านเทรดหุ้นที่มีระดับราคาต่ำกว่าตำแหน่งเส้นอินดิเคเตอร์ชนิดนี้ นั่นหมายความว่า ราคามีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในไม่ช้า ซึ่งนับเป็นจังหวะที่ดีในการเข้า "ซื้อ" หรือเปิดออเดอร์ buy และหากหุ้นมีระดับราคาเหนือกว่าเส้นอินดิเคเตอร์ล่ะก็... ถูกต้องแล้วคร้าบบบบ! ท่านจะต้อง "ขาย" หรือตั้งออเดอร์ sell นั่นเอง!
  3. Momentum Oscillator – อินดิเคเตอร์ประเภทนี้อาจจะตีความได้ยากเล็กน้อย ลองนึกภาพว่า ราคาหุ้นกำลังพุ่งขึ้นไปสู่ตำแหน่งสูงสุดในอดีต ในขณะเดียวกัน ระดับ oscillator ก็เคลื่อนที่แตกต่างกับระดับราคา ซึ่งนั่นมีนัยว่า ความต้องการ หรือ demand ของหุ้นนั้นกำลังลดลง และราคาหุ้นอาจจะร่วงเร็วเกินกว่าที่ท่านจะรู้ตัว
  4. RSI – อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้วว่า ผู้เชี่ยวชาญมักจะแนะนำให้ขายหุ้นเมื่อระดับ RSI มีค่าถึง 70 และ ซื้อหุ้นเมื่อ RSI ลดลงถึงระดับ 30 แต่อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่กฎตายตัว เนื่องจากไม่สามารถใช้หลักการนี้ได้กับหุ้นบางตัว ดังนั้น ท่านควรจะศึกษาข้อมูล RSI ย้อนหลังในอดีต และพิจารณาความผันผวนของตลาดให้ดี ก่อนตัดสินใจเทรด

บทส่งท้าย

อินดิเคเตอร์ชี้นำ (Leading indicator) สำหรับการเทรด intraday สามารถช่วยให้ท่านหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเทรดได้ ยิ่งไปกว่านั้น มันยังช่วยระบุจังหวะที่ดีที่สุดในการเปิดและปิด position ต่างๆ ทั้งยังทำให้การวิเคราะห์กราฟเทคนิค หรือ การเทรดตามปัจจัยทางเทคนิค กลายเป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ท่านวางออเดอร์เทรดได้อย่างเหมาะสมในที่สุด ดังนั้น เทรดเดอร์จึงควรเรียนรู้วิธีการอ่านกราฟราคา และวางแผนกลยุทธ์ต่างๆ ที่มีความเสี่ยงน้อยและใช้ได้ผลจริง เพื่อให้ท่านสามารถใช้อินดิเคเตอร์เหล่านั้นให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด!

อย่าลืมติดตามบทความดีๆ เพิ่มเติมได้ ที่นี่

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน