ทำไม “หุ้นกลุ่มเทคฯ” จึงน่าลงทุนที่สุดในปีนี้

ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้ หุ้นที่มีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ หนีไม่พ้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี พูดให้เห็นง่ายๆ คือ เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นหลายตัวที่นักลงทุนถือมานานๆ เสียอีก ที่สำคัญหุ้นเทคโนโลยีส่วนใหญ่ไม่ได้จ่ายเงินปันผลแบบเดิมๆ ที่มีการจ่ายตามกำหนดเวลาที่แน่นอน อีกทั้งยังเป็นหุ้นที่น่าถือไว้เก็งกำไรในระยะยาวอีกด้วย

ในขณะเดียวกัน ก็ต้องยอมรับว่าความเสี่ยงในการลงทุนก็อาจเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน แต่อย่างไรซะหุ้นเทคโนโลยีก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ เช่น การเทรด Forex เป็นต้น โดยในบทความนี้ เราจะมาอธิบายเหตุผลให้กระจ่างว่าทำไมนักลงทุนจึงควรลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้

สาเหตุที่ทำให้หุ้นกลุ่มเทคน่าซื้อ

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลือกในการลงทุนเท่านั้น แต่ยังสามารถบ่งชี้ถึงการเปิดรับความเสี่ยงหรือตัววัดความเสี่ยงได้อีกด้วย ที่สำคัญหุ้นกลุ่มนี้ยังเกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตคนในปัจจุบันอย่างมาก ตัวอย่างเช่น Google หรือ Facebook ที่เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลระดับโลกที่เรียกได้ว่าไม่มีใครไม่เคยใช้

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทอย่าง Disney, Amazon และ Netflix ที่ผู้คนในปัจจุบันให้ความสนใจ โดยทุกแพลตฟอร์มจะต้องมีปุ่ม "แชร์" เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมาก

และนี่คือเหตุผลหลักที่ว่าทำไมนักลงทุนจึงไม่ควรพลาดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

1. การเติบโตของบริษัทกลุ่มเทคโนโลยี

หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการบริโภคทางเทคโนโลยี เนื่องจากมีวัฏจักรของผลิตภัณฑ์ระยะยาวเข้ามาเกี่ยวข้องและสามารถคาดการณ์ได้ง่ายกว่า อีกทั้งยังมีความเสี่ยงต่ำและข้อจำกัดที่น้อย นอกจากนี้นักลงทุนยังต้องคำนึงถึงและให้ความสำคัญกับจังหวะในการเข้าและออกจากตลาดอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจำนวนมากที่เน้นการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีและทำให้มีผลเติบโตที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้กระแสเงินสดมีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะที่กลุ่มผู้บริโภคเทคโนโลยีมีลักษณะเป็นธุรกรรมเล็กๆ มากกว่า ทำให้ผู้ผลิตเปลี่ยนจากแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์หนึ่งไปยังอีกแบรนด์หนึ่งเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค (เช่น Facebook → YouTube → Spotify → เป็นต้น…)

2. ซอฟต์แวร์น่าสนใจกว่าฮาร์ดแวร์

จากการประมาณการล่าสุด ปัจจุบัน ซอฟต์แวร์สามารถสร้างรายได้มากกว่า 40% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปในปี 1980 มีเพียง 5% เท่านั้น โดยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อยๆ เนื่องจากตลาดยังคงสำรองพื้นที่ไว้มากมายสำหรับซอฟต์แวร์เพื่อเปลี่ยนรายได้

เมื่อต้นทุนลดลง, ความสามารถในขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว, อัตรากำไรที่สูงขึ้น และอัตราการเติบโตทำให้ซอฟต์แวร์เป็นตัวเลือกหลักสำหรับอุตสาหกรรมส่วนใหญ่

ว่าแต่… หุ้นเทคโนโลยีที่ดีที่น่าซื้อมีอะไรบ้าง? มาลองดู 3 อันดับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เราเอามาแนะนำในวันนี้ ซึ่งมีโอกาสที่จะเติบโตสูงในอนาคต

3 ประเภทหุ้นเทคน่าซื้อในปี 2022

หุ้นเทคฯ เป็นหุ้นของบริษัทและสตาร์ทอัพที่มีชื่อเสียงมากมาย โดยหุ้นที่ท่านควรมองหาบางครั้งอาจไม่คุ้นชื่อบริษัท แต่วันนี้เราจะมาแนะนำองค์ประกอบหรือประเภทของหุ้นเทคที่ท่านควรพิจารณา ได้แก่:

• โฆษณาดิจิตอล (Digital Ads) – ปัจจุบันโฆษณาดิจิทัลคิดเป็น 50% ของตลาดโฆษณาทั้งหมด ทุกๆ ปีส่วนแบ่งของโฆษณาดิจิทัลเพิ่มขึ้น 15-20% ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสสร้างรายได้มหาศาล ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าตลาดเฉพาะกลุ่มจะประเมินอย่างน้อย 70% ของตลาดในอีก 4-5 ปีข้างหน้า
• อีคอมเมิร์ซ (eCommerce) – เป็นภาคส่วนที่ค่อนข้างน่าสนใจสำหรับนักลงทุน เพราะมีโอกาสให้ผลตอบแทนมากกว่าโฆษณาดิจิทัลเสียอีก โดยมีแนวคิดในการให้ทุกคนซื้อและขายบนเว็บเป็นเพียง 10% ของตลาดอีคอมเมิร์ซในปัจจุบัน ภาคส่วนนี้มีศักยภาพในการเติบโตอย่างมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงเหตุการณ์โควิดและวิกฤตการเมือง ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าอุตสาหกรรมนี้จะค่อยๆ เติบโตถึง 10-15% ต่อปี
• บริการผ่านเครือข่าย (Cloud Computing) – เป็นหนึ่งในภาคที่เติบโตเร็วที่สุด โดยพลังงานคอมพิวเตอร์และการจัดเตรียมการจัดเก็บข้อมูลได้กลายเป็นข้อกังวลหลักสำหรับหลายอุตสาหกรรม วันนี้ประมาณการประมาณ 25% ของตลาดเวิร์กโฟลว์ไอที ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ามีศักยภาพเพียงพอที่จะเกิน 70% ภายในสิ้นปี 2030

สรุปเกี่ยวกับหุ้นเทคฯ ที่น่าซื้อ

ที่ต่างจากการเทรด Forex อย่างชัดเจนคือหุ้นเทคโนโลยีดูเหมือนเป็นโอกาสในการลงทุนระยะยาวที่ดี เนื่องจากมีซอฟต์แวร์หลายตัวที่กำลังถูกพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและธุรกิจที่กำลังเติบโต ขณะที่บางภาคส่วนมีการเติบโตที่น่าทึ่งโดยยังมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการปรับขนาดและการขยายผลตอบแทน

จริงอยู่ว่าไม่มีใครรับประกันได้ว่าหุ้นที่ท่านเลือกลงทุนนั้นจะให้ผลตอบแทนได้คุ้มค่า แต่หากพิจารณาจากสถิติที่แสดงให้ถึงผลตอบแทนของกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งหมด มีแนวโน้มที่กลุ่มเทคโนโลยีจะโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน