กองทุน ETF กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยมีการซื้อขายกองทุน ETF กว่า 3,000 รายการพร้อมๆ กัน เแสดงให้เห็นถึงวอลุ่มที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 30% เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมปี 2020 ที่ผ่านมา
ความนิยมที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้นักเทรดจำนวนมากเทความสนใจมายัง ETF มากขึ้น มีนักลงทุนจำนวนมากเลือกลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียว โดยหวังว่าจะได้กำไรจากความเคลื่อนไหวรายวันของสินทรัพย์ยอดนิยมหลายๆ ตัว เช่น หุ้น Apple หรือ Tesla
วันนี้ การเทรด ETF ได้ก้าวหน้าไปอีกขั้น เนื่องจากมีสินทรัพย์ที่ครอบคลุมไปถึงกองทุนดัชนีที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการรวมกลุ่มพลังงานสะอาด, สินค้าปลีก (โคล่า), กัญชาที่ถูกกฎหมาย และกลุ่มอื่นๆ โดยนักเทรดส่วนใหญ่ต่างคุ้นเคยกับ SPY [SPDR S&P 500 ETF Trust] อยู่แล้ว – ซึ่งนั่บว่าเป็น ETF แรกของสินทรัพย์ประเภทนี้
ที่สำคัญ สินทรัพย์ใหม่ๆ ยังเพิ่มโอกาสในการซื้อขายให้กับนักลงทุนอีกด้วย หมดยุคของการเลือกกลุ่มสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดแล้ว แต่เราสามารถเลือกกองทุนประเภทต่างๆ ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนดีได้
ทุกวันนี้นักลงทุนมีโอกาสการลงทุนหลายๆ แบบให้เลือก ทำให้นักเทรดบางส่วนไม่รู้จะเลือกอะไรดี บางคนเลือกลงทุนใน ETF เฉพาะทาง เช่น ความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งอาจเป็นส่งผลเชิงลบในระยะยาว ทำให้กองทุนรวมดัชนี (Index fund) เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
ไอเดียสำคัญคือการเลือก ETF ที่ไม่เฉพาะกลุ่มจนเกินไป ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์การลงทุนในระยะยาวอาจไม่เป็นไปตามที่ท่านต้องการ
ในปี 2023 กองทุน ETF ตัวแรก (SPY) จะครบรอบ 30 ปี โดยนับว่าสินทรัพย์ดังกล่าวเติบโตมากที่สุดในกลุ่มสินทรัพย์ประเภทนี้ โดยมีมูลค่ารวม 3.5 แสนล้านดอลลาร์ และยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนใน ETF แม้จะมีกองทุนใหม่หลายๆ ตัวที่น่าสนใจ แต่ค่อนข้างเสี่ยงเมื่อเทียบกับ SPY
ยิ่งไปกว่านั้น ETF ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าธรรมเนียมน้อยกว่าสินทรัพย์อื่นๆ ขณะที่ดัชนีแบบดั้งเดิมนั้นดูปลอดภัยและเชื่อถือมากกว่า