ความเคลื่อนไหวของนักลงทุนในตลาดทรงตัวจากการชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมาท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ผันผวนและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อย่างไรก็ดี ตัวเลขการจ้างงานและที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯในวันก่อนหน้าไม่สามารถสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯได้ อีกปัจจัยที่ท้าทายภาวะกระทิงของดอลลาร์สหรัฐฯก็คือความคิดเห็นของ Bostic จาก Fed และความกังวลเกี่ยวกับสัญญาณเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลง
โดยดอลลาร์สหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นเตรียมพร้อมสำหรับการพุ่งสูงขึ้นรายสัปดาห์ แม้จะขาดโมเมนตัมขาขึ้นในภายหลัง สิ่งนี้ส่งผลดีต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์และยังช่วยชะลอการร่วงลงในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำยังคงติดอยู่กับแนวรับเดิม ขณะที่ราคาน้ำมันดิบยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าราคาที่ปรับตัวขึ้นนั้นสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่เป็นบวก
เป็นผลให้คู่เงิน EURUSD และคู่เงิน AUDUSD พุ่งสูงขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ คู่เงิน GBPUSD ยังคงถูกกดดัน นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนที่ปรับตัวสูงขึ้นยังช่วยขับเคลื่อนคู่เงิน USDJPY ขณะที่ คู่เงิน NZDUSD ร่วงลงมากที่สุดในบรรดาคู่สกุลเงิน G10
ในอีกทางหนึ่ง BTCUSD พุ่งสูงขึ้นเล็กน้อยโดยชะลอการร่วงลงติดต่อกันสองวันท่ามกลางการอนุมัติ Bitcoin ETF แต่ ETHUSD กลับขาดการฟื้นตัวที่ระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ เนื่องจาก US SEC ชะลอการอนุมัติ spot ETF ของ Ethereum
มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์เหล่านี้:
แม้ว่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯจะขาดโมเมนตัมขาขึ้น แต่สินค้าโภคภัณฑ์ก็ยังพยายามปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางความกลัวด้านอุปสงค์ที่ลดลงจากจีน ยูโรโซน และสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ การเติบโตของอินเดียที่แข็งแกร่งและความกังวลเรื่องสภาวะการลงจอดอย่างนุ่มนวล (soft landing) ของเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังช่วยพยุงราคาน้ำมันดิบและราคาทองคำ อีกทั้ง การคาดการณ์ของความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นในปี 2024 จากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ร่วมกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในทะเลแดงยังชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบ
นอกจากนี้ ตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯและใบอนุญาตก่อสร้างที่มีทิศทางเป็นบวกยังสนับสนุนแนวโน้มการยืดระยะเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดย
Raphael Bostic ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯแห่งแอตแลนตา ได้ออกมากล่าวว่า แนวทางพื้นฐานคือการปรับลดดอกเบี้ย โดยจะเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 พร้อมทั้งระบุว่า “จำเป็นต้องระมัดระวังไม่ให้ปรับลดดอกเบี้ยเร็วเกินไป ซึ่งจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุปสงค์และแรงกดดันด้านราคาขึ้นมาใหม่” นอกจากนี้ มุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่การอนุมัติการจัดสรรงบประมาณชั่วคราวของสหรัฐฯเพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์รัฐบาล และสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในทะเลแดง รวมถึงการเทขายหุ้นในตลาดหุ้นจีน ล้วนเป็นปัจจัยเพิ่มเติมที่หนุนความต้องการดอลลาร์สหรัฐฯในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
อีกทางด้านหนึ่ง Nick Timiraos ผู้สังเกตการณ์ Fed ของ Wall Street Journal (WSJ) รายงานว่า การคาดการณ์ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core PCE) บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลงของอัตราเงินเฟ้อซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์การดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยในทางกลับกันก็ได้ท้าทายช่วงแนวโน้มขาขึ้นของดอลลาร์สหรัฐฯและส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง นอกจากนี้ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและดัชนีภาคการผลิตฟิลาเดลเฟียที่ปรับตัวลดลง ยังท้าทายการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ และยังกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯระยะ 30 ปีและ 10 ปีจึงขยายการฟื้นตัวจากครั้งก่อน ขณะที่สัญญาอัตราดอกเบี้ยได้บ่งชี้ว่าตลาดมีการสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในเดือนมีนาคมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น รวมไปถึงมีแนวโน้มค่อนข้างแน่นอนว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในเดือนมกราคม อย่างไรก็ตาม ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ขยับตัวสูงขึ้นแต่ยังคงขาดโมเมนตัมขาขึ้น เนื่องจากตลาดหุ้น Wall Street ร่วงติดต่อกันสองวัน และช่วงแนวโน้มขาลงของตลาดหุ้นในโซนเอเชียแปซิฟิกก็ชะลอตัวลงเช่นกัน
การรายงานเบื้องต้นของวันนี้เกี่ยวกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CSI) ของมหาวิทยาลัยมิชิแกน (UoM) และการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯร่วมกับแถลงการณ์ของผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) รอบสุดท้ายก่อนการประชุม FOMC เดือนมกราคมจะกระตุ้นนักลงทุนในตลาด สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือคำปราศรัยของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) Christine Lagarde ที่งาน World Economic Forum (WEF) ในเมืองดาวอส
จากการพูดคุยอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับความล่าช้าในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed และ ECB แรงเทซื้อดอลลาร์สหรัฐฯและยูโรจึงมองหาเบาะแสเพื่อยืนยันแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวด อย่างไรก็ตาม สัญญาณเบื้องต้นที่ยังไม่มีความชัดเจนจึงอาจส่งผลให้ตลาดทรงตัวภายในกรอบการเคลื่อนไหวของสัปดาห์นี้ ส่วนราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังคงอยู่ในช่วงกลางของกรอบราคาท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด !